Real Estate Tale EP.10 – The Wooden Chair in a Luxury Condo at Phrom Phong

A chilling tale of a young agent and the mysterious 31st-floor unit no one dares to show again

post date  Posted on 19 Nov 2025   view 24959
article

นิทานอสังหา EP.10
"เก้าอี้ไม้ในคอนโดหรูย่านพร้อมพงษ์ฯ"
.
.
.
มีเอเจ้นท์รุ่นน้องคนนึง
เพิ่งเข้ามาในวงการ
เขาชื่อ “นิว”
.
วันนั้นหัวหน้าให้ไปเปิดคอนโดหรูย่านพร้อมมพงษ์
ตอนค่ำเพื่อพาลูกค้าดูห้อง
ซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนัด
เพราะมันดึกเกินไปแล้ว
แต่ลูกค้าคนนั้นแจ้งว่า
มันเป็นเวลาที่ผมมเพิ่งเลิกงาน
“ผมทำงานเลิกดึก ขอให้ดูตอน 3 ทุ่มครึ่งนะครับ”
.
นิวก็ไม่คิดอะไรมาก
เพราะนี่คือดีลใหญ่
ห้องนี้ราคา 150 ล้าน
ค่า Commission หลักล้าน
เขาเลยตกปากรับคำ
ทั้งที่ใจลึก ๆ
รู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน
.
ลิฟต์เปิดชั้น 31
พอเดินออกมา
แสงไฟในทางเดินติด ๆ ดับ ๆ
และมีเสียงลมหวีดดลอด
เข้ามาจากช่องระบาย
พอถึงหน้าห้องที่นัดไว้
นิวไขกุญแจเข้าไป
เพื่อเข้ามาเตรียมห้องไว้โชว์ลูกค้า
.
บรรยากาศห้องเงียบสนิท
ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย
แต่สิ่งที่แปลกคือ
มีเก้าอี้ไม้ตัวเดียววางอยู่ตรงกลางห้อง
เหมือนมีใครตั้งไว้รออะไรสักอย่าง
.
ระหว่างที่นิวยืนงง ๆ อยู่หน้าประตู
แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
มันไม่ใช่เบอร์ของลูกค้าที่นัดไว้
แต่เสียงที่ได้ยินกลับไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย
.
เสียงนั้นเบา ๆ แหบพร่า
ไม่ใช่จากในโทรศัพท์
แต่เหมือนเป็นเสียงที่มาจากข้างหลังหูขวาเขา…
“เข้ามานั่งสิ”
.
ด้วยความที่นิวเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนนอก
ที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ
เชื่อแต่เรื่องวิทยาศาสตร์
ที่สามารถพิสูจน์ได้เท่านั้น
จึงยังไม่ได้คิดอะไร
.
แสงไฟ Fluorescent บนเพดานสลัวๆ
เปิดติดเพียงบางดวง
และในวินาทีนั้นเอง
โทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ก็ดับวูบ
เสียงสัญญาณเงียบหายไป
แต่นิวยังคงได้ยิน เสียงหายใจแหบพร่า
ลอยอยู่ข้างหู
.
เขาเผลอหันกลับไปมองอีกที
คราวนี้เก้าอี้ไม้เหมือนจะ “ขยับ” เล็กน้อย
เสียงเอี๊ยดเบา ๆ ดังขึ้น
เหมือนมีคนนั่งลงไปแล้วจริง ๆ
ทั้งที่เขามองไม่เห็นใครเลย
.
หัวใจเขาเต้นแรง
มือสั่นจนแทบจะทำกุญแจตก
แล้วอยู่ ๆ เสียงในห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่เสียงกระซิบ
แต่เป็นเสียงเหมือนคนพูดอยู่ในห้อง
แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากส่วนไหนของห้อง
“นั่งลงสิ”
.
นิวยืนมองเก้าอี้ไม้ตัวนั้นอยู่นาน
ความรู้สึกมันก้ำกึ่ง
ระหว่าง “ความกลัวที่ทำให้ต้องหนี”
กับ “แรงดึงดูดประหลาดที่บอกให้ลอง”
.
ในที่สุดเหมือนแรงบางอย่าง
ผลักให้เขาก้าวเข้าไปทีละก้าว
แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงกลางห้อง
.
ทันทีที่ร่างของเขาสัมผัสกับไม้เก่า ๆ
เสียงเอี๊ยดก็ดังขึ้นยาว ๆ
และทุกอย่างในห้องก็ เงียบลงผิดปกติ
เงียบจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมจากช่องระบาย
ที่เมื่อครู่ยังพัดหวีดอยู่
.
นิวมองรอบห้องที่ว่างเปล่า
แต่แล้วสายตาก็สะดุดที่ “กระจกบานใหญ่” ด้านข้าง
เขาเห็นเงาตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้จริง
แต่สิ่งที่น่าขนลุกคือ
ในกระจกมีเงาอีกคน
นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังเขา
.
เงานั้นเป็นผู้หญิงผมยาว
หน้าซีด ไม่มีตาดำ
เหมือนกำลังโน้มหน้าลงมาใกล้หูของเขา
และพูดประโยคเบาๆว่า
“สบายมั้ย”
.
หัวใจนิวเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
เขาพยายามจะลุก
แต่ร่างกายกลับเหมือนถูกตรึงไว้
ขยับไม่ได้เลย
แขนสองข้างเหมือนถูกจับกดลงบนที่วางแขนของเก้าอี้
เสียงหายใจแหบพร่าอยู่ชิดแก้ม
ข้างหูเขามีความรู้สึกชื้น
เหมือนลมหายใจของใครบางคนจริง ๆ
แล้วอยู่ ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับลง
.
อยู่ๆก็มีเสียงพูดคุยกันมากมายแทรกมาในความมืด
แต่จับใจความไม่ได้ว่าพูดถึงอะไร
.
ในช่วงเพียงอึดใจ
ทันทีที่ไฟทั้งห้องกะพริบติดกลับมาอีกครั้ง
นิวก็พบว่าตัวเอง “ไม่ได้อยู่คนเดียว”
.
รอบห้องที่เมื่อครู่ยังว่างเปล่า
ตอนนี้เต็มไปด้วย “คนแปลกหน้า”
มันเป็นเงาที่ดูมืดกว่าความมืดของห้อง
พอมองเห็นว่าเป็นรูปร่างของคน
แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าคือใคร
.
ทั้งหมดนั้นยืนล้อมเป็นวง
อยู่รอบ ๆ เก้าอี้ไม้ตัวที่นิวนั่งอยู่
เหมือนกำลัง “ประชุม” หรือ “ทำพิธี” อะไรบางอย่าง
และนิวรู้สึกว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่เขา
นิวตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าหายใจแรง
ผู้หญิงผมยาวหน้าซีดในกระจก
ค่อย ๆ ก้าวออกมายืนอยู่ข้างหลังเขา
คราวนี้เธอก้มหน้าลงมาแนบแก้มกับเขาแล้วพูดเสียงเบา…
“มาอยู่ด้วยกันมั้ย?”
.
ทันใดนั้น นิวก็รู้สึกเหมือนมีเงาเย็น ๆ หลายคู่
มือพุ่งเข้ามาจับแขน ขา และไหล่ของเขาไว้
บีบแน่นจนเจ็บ
เสียงกระซิบเซงแซ่หลายเสียงดังระงมรอบหู
เหมือนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยคนพูดพร้อมกัน
ในหัวนิวคิดแค่ว่า “จบแล้ว…คืนนี้กูไม่รอดแน่”
.
ทันใดนั้นเอง
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
ก้องสนั่นกลางความมืดวูบวาบของห้อง
Rrrr… Rrrr… Rrrr…
.
นิวเหลือบตาลงไปที่หน้าจอ
มือสั่นจนแทบหยิบไม่ไหว
แต่เขาเห็นชัดเจนว่าเป็น เบอร์ลูกค้าตัวจริง ที่นัดไว้
.
ทันทีที่กดรับ
สายตาทุกคู่ในห้องที่จ้องเขาอยู่
ก็เหมือน “สะดุ้ง”
เงารอบห้องหายวับไป
เหลือเพียงเสียงปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงปกติ…
.
“คุณนิวครับ ขอโทษที่ผมเลิกงานช้า ขอเลื่อนนัดเป็นครั้งหน้าได้มั้ยครับ?”
.
แสงไฟในห้องกลับมาติดสว่าง
ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม
ห้องเปล่า โล่ง ไม่มีใคร ไม่มีเสียงกระซิบ
#และไม่มีเก้าอี้ไม้
.
นิวมองรอบห้องด้วยหัวใจที่เต้นแรง
รู้ตัวอีกทีคือเขายังนั่งอยู่บนพื้น
ไม่ใช่เก้าอี้แล้ว
มือถือยังแนบหูอยู่
และเสียงลูกค้าก็ยังถามซ้ำ
“ฮัลโหล คุณนิว ได้ยินผมมั้ยครับ?”
.
นิวรีบวิ่งออกจากห้องทั้งที่กุญแจยังคาประตูไว้
เขาไม่กล้าแม้แต่จะปิดไฟ
.
.
.
รุ่งเช้าวันถัดมา
นิวเดินเข้ามาที่บริษัท
หน้าซีดเผือดเหมือนคนนอนไม่เต็มตา
เขาแทบไม่ได้ข่มตาหลับเลยทั้งคืน
เพราะภาพของเก้าอี้ และเสียงกระซิบ
ยังวนเวียนอยู่ในหัว
.
เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ “พี่เอก”
รุ่นพี่เอเจ้นท์ที่ทำงานมานานฟัง
ตั้งแต่โทรศัพท์ลึกลับ
การได้ยินเสียงจากด้านหลัง
ไปจนถึงเก้าอี้ไม้กลางห้อง
.
ตอนแรกพี่เอกนั่งฟังเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร
แต่พอนิวเล่าถึงตอนที่เกือบจะนั่งลงบนเก้าอี้
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พี่เอกถึงกับหันขวับ
มองหน้านิวนิ่ง ๆ แล้วพูดว่า…
.
“มึงรู้มั้ย…
ห้องนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลยซักชิ้น
ตั้งแต่วันแรกที่ปล่อยขาย
เจ้าของเขาไม่ได้เอาอะไรเข้าไปเลย
แม้แต่เก้าอี้”
.
บรรยากาศในออฟฟิศเงียบลงทันที
พนักงานคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ
หันมาฟังด้วย
พี่เอกถอนหายใจยาวแล้วก้มลงกระซิบ…
.
“เมื่อ 2 ปีก่อน
มีเอเจ้นท์ผู้หญิงรุ่นพี่ของกู
ไปเปิดห้องนี้ตอนกลางคืนเหมือนมึงเป๊ะๆ
.
คืนนั้นเธอโทรหากูครั้งสุดท้าย
บอกแค่ว่า ‘พี่… เขาเรียกให้หนูนั่งด้วยแล้ว’
จากนั้นสายก็ตัดไปเลย
จนวันนี้ก็ไม่เคยเจอตัวเลย
ไม่เคยรู้ว่าเธอหายไปไหน”
.
นิวตัวชา
เหมือนเลือดในกายไหลย้อนกลับไปทั้งตัว
เขานั่งนิ่งไปนานจนมือเย็นเฉียบ
พี่เอกพูดต่อเบา ๆ
.
“เพราะงั้น…
ต่อให้ลูกค้าคนไหน
จะขอให้ขึ้นไปดูห้องนี้ตอนกลางคืนอีก
มึงจำไว้เลยนะ… อย่าเด็ดขาด”
.
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น
นิวพยายามหลีกเลี่ยงการเปิดห้องนี้มาโดยตลอด
เขายังจำเสียงแหบพร่า
และเก้าอี้ไม้ได้อยากฝังใจ
แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่า
มันอาจเป็นอุปาทาน
หรือเรื่องบังเอิญที่สมองเล่นตลก
ตามสไตล์เด็กนักเรียนนอก
.
จนกระทั่ง… 3 สัปดาห์ต่อมา
มีอีเมลจากลูกค้าต่างชาติรายหนึ่ง
ส่งเข้ามาที่บริษัท
เขาสนใจจะซื้อคอนโดในโครงการนั้นพอดี
และในลิสต์ห้องที่เขาเลือกไว้
มีชั้น 31 รวมอยู่ด้วย
.
หัวหน้าบริษัทกวาดตามองทีม
แล้วพูดขึ้นกลางห้องประชุมว่า “
ห้องนี้อยู่ในพอร์ตของนิวใช่มั้ย?
งั้นฝากดูแลให้หน่อยนะ
ลูกค้ารายนี้ตัวใหญ่
มีงบหลาย 100 ล้าน
เขาเลือกไว้หลายห้อง
ถ้ามึงปิดได้
ค่า Commission นี่เปลี่ยนชีวิตเลย”
.
นิวหน้าเสียในทันที
เขาพยายามจะอ้างเรื่องงานชน
เรื่องไม่สะดวก
แต่หัวหน้ากลับบอกว่า
“ลูกค้ารายนี้ด่วนมาก เขาอยู่เมืองไทยไม่นาน อยากดูห้องพรุ่งนี้เลย”
.
และที่ทำให้เขาหนาวไปทั้งตัวก็คือ…
ในอีเมล ลูกค้าระบุเวลามาชัดเจน
“ขอเข้าดูห้องชั้น 31 เวลา 2 ทุ่มครึ่ง”
.
คืนนั้น
นิวยืนอยู่หน้าตึกด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ราวกับจะหลุดออกมา
เขามองนาฬิกาที่มือถือ
2 ทุ่มครึ่งตรงเป๊ะ
ลมกลางคืนพัดเอื่อย ๆ
แต่แปลกที่ร่างกายกลับเย็นเฉียบ
เหมือนอยู่ในห้องแช่แข็ง
.
เขากดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 31 เสียง “ติ๊ง!” ดังขึ้น
นิวรู้สึกเหมือนเสียงนาฬิกานับถอยหลังสู่ความตาย
ประตูลิฟต์เปิดออก
ทางเดินชั้นนั้นเงียบสนิท
ทั้งที่เวลาแค่ 2 ทุ่มครึ่ง
ควรจะยังมีผู้คนบ้าง
แต่กลับไม่มีแม้เงา
.
นิวเดินไปจนถึงหน้าห้องชั้น 31
มือสั่นจนแทบจะไขกุญแจไม่เข้า
แต่ก็ต้องฝืนทำ
เพราะเขาไม่อาจปฏิเสธงานนี้ได้
.
แกร๊ก…
ประตูถูกเปิดออก
ทั้งๆที่นิวยังไม่ทันได้ไขกุญแจ
กลิ่นอับเก่า ๆ พุ่งเข้ามาทันที
ภายในห้องยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม
และใช่...เก้าอี้ไม้ตัวนั้นยังตั้งอยู่กลางห้อง
ตำแหน่งเดิมเป๊ะ
.
นิวกลืนน้ำลาย
เอามือผายประตูให้เปิดกว้าง
แต่เท้าตัวเองยังอยู่หน้าประตู
.
นิวแอบแปลกใจ
ที่เห็นลูกค้าอยู่ในห้องแล้ว
ลูกค้ายืนหันหลัง
และกำลังมองวิวที่กระจกบานใหญ่
.
แต่เขารู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
อย่างน้อยครั้งนี้ลูกค้ามาแล้ว
คงไม่เจอเรื่องลึกลับเหมือนครั้งก่อน
.
นิวก้าวเท้าเข้าห้องเพื่อจะไปทักทายลูกค้า
ปัง!! เสียงประตูปิดดังสนั่น
ราวกับมีลมแรงพัด
นิวเริ่มเอะใจที่ลูกค้าก็ไม่ได้เปิดกระจก
ลมพัดแรงขนาดนี้มาจากไหน
.
โทรศัพท์ที่จอเรืองแสง
นิวเหลือบดูข้อความเข้ามาในไลน์จากลูกค้า…
“ผมถึงตึกแล้ว รออยู่ล็อบบี้นะครับ”
.
นิวสะดุ้งเฮือก
รีบวิ่งไปหมุนลูกบิด
แต่… มัน “ล็อก” ทั้
งที่เขาไม่ได้กดล็อกเอง
มือไม้สั่นจนเกือบทำกุญแจร่วง
.
และในความเงียบว่างนั้นเอง
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่ว ๆ
ตรงมาที่เก้าอี้ไม้กลางห้อง
เดินเข้ามาระยะประชิดนิว
.
กึก… กึก… กึก…
.
นิวยืนนิ่ง หายใจไม่ทั่วท้อง
ไม่กล้าหันไปมองในห้อง
และแล้ว… เก้าอี้ไม้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ
ราวกับมีใคร “นั่งลง” บนนั้นแล้วจริง ๆ
.
เก้าอี้ไม้ส่งเสียง เอี๊ยด… ยาว ๆ
เหมือนมีคนนั่งอยู่ตรงนั้น
จริง ๆ แต่นิวยังคงยืนหันหลังให้
ไม่กล้าหันไปมองแม้แต่น้อย
ในหัวเขาคิดแค่ว่า “ถ้าประตูมันเปิดได้ก็คงหนีทัน…”
นิวจึงรีบ text หาลูกค้าว่า
ให้ รปภ พาขึ้นมาที่ห้องได้เลย
แล้วในจังหวะนั้นเอง
มีเสียงจากหลังของนิวดังขึ้นมาว่า “มานั่งซิ”
.
เก้าอี้กำลังขยับเอง ช้า ๆ
เหมือนมีคนลุกขึ้นยืนจากมัน
เงาดำคล้ายร่างคนทิ้งตัวพาดยาวบนพื้นจนทับตัวของนิว
เงานั้นยาวจนเกินกว่าตัวเก้าอี้จะสร้างขึ้นมาได้
.
เงาที่สะท้อนบนมือถือของนิว
มีเงาคนยืนเรียงกันเต็มไปหมด
เสียงเซงแซ่ดึงขึ้นมาก้องในหูของนิว
“นั่งสิ… นั่งสิ… นั่งสิ…”
.
แรงกดดันในห้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ราวกับอากาศถูกดูดออกไปทีละน้อย
นิวหายใจติดขัด ขาเริ่มสั่น
เหมือนมีแรงมองไม่เห็นบังคับให้เขา “ก้าว”
ไปยังเก้าอี้ไม้กลางห้อง
เสียงกระซิบจากรอบทิศทางดังขึ้นเรื่อยๆ
“นั่งสิ… นั่งสิ… นั่งสิ…”
.
เสียง กริ๊ก! ของลูกบิดก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
แกร๊ก… ประตูถูกผลักเปิดออก
แสงจากทางเดินส่องเข้ามา
พร้อมกับเสียงทุ้มสุภาพของผู้ชายต่างชาติพูดขึ้นว่า
“Hello? Is anyone here? Mr.New?”
.
นิวสะดุ้งเฮือก รีบเงยหน้าขึ้น
และเห็นลูกค้าตัวจริง
ยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ
ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
ที่เห็นเอเจ้นท์หนุ่มยืนเหงื่อแตกพลั่กอยู่ในห้องมืด ๆ
ลูกค้าก้าวเข้ามาในห้อง
.
นิวแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
เขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับลูกค้า
แต่ก่อนที่จะพูดอะไร
เสียง เอี๊ยด! ดังขึ้นอีกครั้ง
.
คราวนี้ทั้งนิวและลูกค้าหันไปมองพร้อมกันที่เก้าอี้ไม้กลางห้อง…
ลูกค้าขมวดคิ้ว พูดเสียงเบา ๆ ว่า
“What… what is that?”
.
ทันใดนั้นเอง
ประตูทางเข้าที่เปิดอยู่
เสียงประตู ปัง! ปิดเองดังสนั่น
กุญแจที่นิวถืออยู่ร่วงตกพื้นต่อหน้าต่อตาลูกค้า
บรรยากาศในห้องกลายเป็นเย็นเฉียบ
จนมองเห็นลมหายใจเป็นไอ
ทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังไม่ได้เปิด
.
ลูกค้าชาวต่างชาติหน้าซีดเผือด
เขาพยายามเดินกลับไปเปิดประตู
แต่…ร่างกายมันไม่ขยับเลย
เหมือนถูกยึดติดไว้กับกำแพง
.
นิวก็ไม่ต่างกัน
เขากระชากลูกบิด
กดคีย์การ์ด
พยายามใช้กุญแจไข
แต่ทุกอย่างไร้ประโยชน์
เสียงเหล็กเสียดสีกับกลอนดังแหลมสูง
จนเหมือนเสียงคนพูดแทรกเข้ามาในหัว
“ฮ่า… ฮ่า… ฮ่า…”
.
ทันใดนั้น เก้าอี้ไม้กลางห้องก็เริ่ม “สั่นเอง”
แรงขึ้นเรื่อย ๆ
เหมือนใครบางคนกำลังโกรธที่พวกเขาพยายามหนี
ลูกค้าหันไปมองตาค้าง
ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“Open the damn door! NOW!”
.
แต่เสียงของเขากลับสะท้อนก้อง
เหมือนถูกบิดเบี้ยวในห้องเล็ก ๆ นี้
และในเงาสะท้อนกระจกบานใหญ่…
.
นิวเห็นชัดเจนว่า
ตอนนี้...ไม่ใช่มีแค่เขากับลูกค้าอีกต่อไป
ลูกค้าชาวต่างชาติที่อยู่ข้าง ๆ
เดินเซเหมือนถูกผลักกระเด็นไปติดผนัง
.
เขาตะโกนร้อง
แต่เสียงกลับเลือนหายเหมือนถูกดูดกลืนไป
นิวเหลือเพียงตัวเองที่ถูกแรงบางอย่าง
ดึงแขน ดึงไหล่ให้เดินเข้าไปหาเก้าอี้
.
เหงื่อไหลอาบทั้งตัว
ทุกก้าวที่ก้าวไป
เสียงเก้าอี้ก็ส่งเสียง เอี๊ยด… เอี๊ยด…
ราวกับกำลังดีใจที่เจ้าของใหม่กำลังจะมานั่งแทน
.
จังหวะที่นิวจะถูกกดลงบนเก้าอี้นั้นเอง
เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก้องห้อง
.
เสียงเรียกเข้าแหลมชัด ทะลุผ่านแรงกดดันทั้งปวง
นิวเหลือบตาลงไปเห็นหน้าจอ
เป็นเบอร์ของ พี่เอก รุ่นพี่ที่บริษัท
.
ทันใดนั้น แรงกดดันที่บังคับเขา
ก็เหมือนถูกผลักกระเด็นออกไป
นิวทรุดลงนั่งกับพื้นแทนที่จะลงไปที่เก้าอี้
เสียงกระซิบทั้งหมดเงียบกริบ
เหลือเพียงเสียงริงโทนดังต่อเนื่อง
.
ลูกค้าชาวต่างชาติรีบลุกขึ้นมาใหม่
เขามองรอบห้องตาเบิกกว้าง
ก่อนจะช่วยประคองนิวให้พยายามเปิดประตูอีกครั้ง
และคราวนี้…ประตูที่ไม่ยอมเปิด
ก็ แกร๊ก !เปิดออกได้ง่ายดายเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งคู่รีบวิ่งออกจากห้องโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
.
เช้าวันรุ่งขึ้น
นิวลากสังขารกลับมาที่ออฟฟิศ
ใบหน้าอิดโรยแต่เต็มไปด้วยความสับสน
เขายังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองรอดออกมาได้จริง ๆ
.
พี่เอกเดินเข้ามาหาแล้วพูดเสียงนิ่ง ๆ ว่า
“เมื่อคืนกูโทรไปหามึง มึงโอเคใช่มั้ย?”
.
นิวหันไปมองด้วยแววตาตกใจทันที
“พี่… ทำไมพี่ถึงโทรมาเวลานั้นพอดี?”
พี่เอกนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วเล่าเบา ๆ …
“จริง ๆ แล้วกูไม่ได้ตั้งใจจะโทรเลย
แต่ตอนนั้น… กูเห็นน้องผู้หญิงคนนั้น”
.
นิวชะงัก “น้องผู้หญิง… คนที่หายไปเหรอครับ?”
พี่เอกพยักหน้า
“ใช่… คนที่เคยเป็นเอเจ้นท์รุ่นน้องที่บริษัท
ก่อนจะหายไปหลังจากไปเปิดห้องนั้น
กูไถไปเจอ memory เก่าๆ ของน้องเค้า
ที่เด้งขึ้นมาในฟีดกู”
.
อยู่ๆก็มีเสียงในหัวผุดขึ้นมา
แค่ประโยคเดียวว่า ‘ช่วยเขาด้วย อย่าให้เขานั่งลง’
อยู่ๆกูสะดุ้งเฮือก แล้วก็รีบโทรหามึงทันที”
.
นิวตัวชาไปทั้งร่าง
ภาพเมื่อคืนย้อนกลับมา
ถ้าไม่ได้เสียงโทรศัพท์นั้น
เขาคงไม่รอดออกมาได้จริง ๆ
.
พี่เอกมองหน้าเขาแล้วพูดต่ออย่างหนักแน่น
“จำไว้นะนิว…
ห้องบางห้องมันไม่ได้ถูกปล่อยขายให้คนอยู่
แต่มันถูกปล่อยไว้ให้ “สิ่งอื่นอยู่”
ต่อไปถ้าเจอใครขอให้พามาดูห้องนั้นอีกครั้ง
อย่าแม้แต่จะรับนัด”
.
นิวเงียบงัน
ก่อนจะหันไปมองแฟ้มทรัพย์สินที่กองอยู่บนโต๊ะ
ท่ามกลางแฟ้มห้องหลาย 10 ห้องที่รอขาย…
แฟ้มของห้องชั้น 31 กลับหายไป
โดยไม่มีใครรู้ว่าใครเก็บไป
.
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา
ห้องชั้น 31 ก็ไม่เคยมีใครเปิดพาไปดูอีกเลย
ไม่ว่าจะเป็นเอเจ้นท์หน้าใหม่หรือลูกค้ารายใด ๆ
รายชื่อห้องในระบบก็หายไปเอง
เหมือนไม่เคยขายอยู่
.
แต่… สิ่งที่น่าขนลุกที่สุดคือ
นิวเล่าว่า
ทุกครั้งที่เขานั่งอยู่เงียบ ๆ ดึก ๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขา
มักจะดังขึ้นมาเอง
โดยไม่มีเบอร์โชว์
.
และทุกครั้งที่กดรับ
ปลายสายจะเงียบอยู่นาน
ก่อนจะมีเสียงกระซิบเบา ๆ
ดังขึ้นมาเหมือนเดิม…
“เข้ามานั่งมั้ย?”

.

ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid0K9gvdExmHXwrWSQjqZPa8PNjKdkSEwi1jqp8wf8X4DLjQB4dJRGtVzYHSd61MjMMl

Related articles (3)