เสียงกระซิบปลายบันได: บ้านไม้เก่ากับเงาลางเลือนที่ไม่ยอมไปไหน

ประสบการณ์หลอนในบ้านร้างกลางกรุงเทพฯ ที่เริ่มต้นจากการดูบ้าน แต่จบลงด้วยคำเตือนจากสิ่งที่มองไม่เห็น

post date  โพสต์เมื่อ 11 เม.ย. 2568   view 36572
article

**โพสนี้เป็นนิทาน/เรื่องแต่ง โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น**

.

“คุณเอ็กซ์ วันนี้เราไปดูบ้านแถวสุขุมวิทกันนะ”

ลูกทีมรุ่นพี่โทรมาชวนให้ไปดูเคส

ใจกลางเมืองย่านอโศก

.

เมื่อไปถึงแปลงที่ดินดังกล่าว

เป็นที่ดินสี่เหลี่ยมสวยเลยครับ

เนื้อที่น่าจะประมาณไร่ครึ่ง

หน้ากว้าง 40 เมตรขึ้น

สร้างอะไรก็ได้ สวยงามหมด

.

พื้นที่ด้านหน้าเป็นลานกว้าง

น่าจะจอดรถได้ถึง 10 คัน

จริงๆที่ดินแปลงนี้ควรขายแต่ที่ดิน

ไม่ต้องบอกว่าขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหรอก

เพราะบ้านเก่ามาก

เป็นสไตล์กึ่งปูนกึ่งไม้

อายุไม่น่าต่ำกว่า 30 ปี

.

พื้นที่มีบ้านอยู่ 2 หลัง

หลังใหญ่ขวามือกับหลังเล็กซ้ายมือ

สภาพเก่าพอๆกันทั้งคู่

.

บ้านขวามือมี2ชั้น

ดูโปร่งโล่งสบาย

คิดว่าน่าจะเป็นบ้านหลัก

เลยแวะเข้ามาดูหลังนี้ก่อน

.

ชั้นแรกเป็นพื้นที่ของคนดูแลที่ดิน

พักอาศัยอยู่คนเดียว ณ ปัจจุบัน

.

พอขึ้นมาชั้นสองเป็นบันไดโค้ง

มีห้องนอนอยู่2 ห้อง

พอกำลังจะเข้าห้องนอนหลักเท่านั้นล่ะ

.

ขนลุกวาบขึ้นมา

มาล่ะ…channel เปิด

แสดงถึงว่าจะมีบางสิ่งบางอย่าง

อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้

.

พบพลังงานบางๆอยู่กลางห้อง

แล้ววิ่งหายไปในขื่อ

แน่นอน เรื่องพวกนี้เริ่มเป็นเรื่องปกติสำหรับผม

.

ทุกที่จะมีเจ้าที่,กลุ่มพลังงาน

หรือเหล่าสัพพเวสีเป็นเรื่องปกติ

ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเจ้าบ้านเสียชีวิตอยู่ที่นี่

.

สำหรับเคสนี้

เน้นถ่ายบริเวณรอบบ้านเป็นส่วนใหญ่

ไม่อยากถ่ายรูปบ้านสักเท่าไหร่

เพราะสภาพบ้านมันไม่ดี

ถ่ายไปก็โดนหาเรื่องตัดราคาเปล่าๆ

ชูว่าขายที่ดินคือง่ายกว่า จบๆไป

.

ตอนแรกก็จะกลับละ

แต่เห็นบ้านเล็กทางซ้ายมือ

แล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง

เลยบอกทีมงาน

ขอเดินวนเข้าไปข้างหลังบ้านเล็ก

.

ด้านหลังเป็นพื้นที่ห้องพักคนงาน

ประมาณ 3-4ห้อง

สุดทางเป็นพื้นที่ครัว

แล้วมีเค้าเตอร์บาร์ไว้วางอาหาร

เพื่อยกไปเสริฟ์ที่บ้านใหญ่

.

ตรงนี้เริ่มสัมผัสอะไรได้เยอะมากและแน่นมาก

เหมือนมีพลังงานอยู่มากกว่า 5 ตน

ในพื้นที่เล็กๆ

(เริ่มมีความสงสัยเบาๆละ)

.

ด้านหลังมีห้อง + ประตูเยอะมาก

เดินเปิดไปเปิดมา

จนทะลุเข้ามาบ้านเล็กโดยไม่รู้ตัว

.

พอเปิดเข้ามาชั้นนึง

เริ่มมีความรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา

ก็คิดในใจว่า…ตรงนี้น่าจะเยอะ

แต่ก็ยังไม่อยากพูดอะไร

ให้ทีมงานตกใจ

.

มองจากภายนอกเหมือนบ้านจะเล็ก

แต่พอเข้ามาข้างใน พื้นที่กว้างมาก

เป็นบ้าน 3 ชั้น

แต่ชั้นที่ 3 ต้องเดินขึ้นข้างบ้าน

ไม่สามารถขึ้นในตัวบ้านด้วย

โดนรวมกว้างกว่าบ้านใหญ่อีก

แต่ดูอึดอัดมาก

.

ความพีคอยู่ที่

พอกำลังขึ้นบันไดตรงชั้นพัก

แล้วกำลังหันกลับเดินขึ้นอีกครึ่งนึง

เพื่อเดินขึ้นชั้น 2 เท่านั้นแหละ

.

โสตสัมผัสทางหูเกิดทำงาน

ความรู้สึกถึงความเป็น”หูช้าง”

อารมณ์จะเหมือนหูเราขยายใหญ่มาก

ลมเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

แล้วได้ยินเสียงว่า

“อย่ามายุ่งกับที่ของกู”

.

พอเงยหน้าขึ้นไปมองปลายทางบันไดชั้น 2

เห็นเงาทึบจำนวนมาก

ขวางอยู่ปลายบันไดชั้น 2

(ชิบหายล่ะ ยืนขวางเต็มชั้น 2 เลย)

.

แต่เรายังคงเดินขึ้นต่อไป

ปกติพอเดินเข้าใกล้กลุ่มเงา

เค้าก็จะสลายไป

.

แต่กลุ่มนี้พอสลายไป

กลับกลายเป็นกลุ่มเงารวมกันอีกครั้ง

อยู่ตรงหน้าทางเข้าห้องนอนทางซ้ายมือ

ที่ห้องนั้นมีหมอนอยู่ 2 ใบวางอยู่กลางห้อง

ซึ่งพอเราจะเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว

.

“ออกไป!!”

เสียงก้องเข้ามาในขมับข้างหูอีกครั้ง

จนเราต้องชะงักหน้าห้อง

.

พอดีทีมงานเดินตามขึ้นมาพอดี

เราชี้นิ้วแล้วบอกทีมงานว่า

“ห้องนั้นพี่ เค้าอยู่ห้องนั้น”

ทีมงานก็งงว่าผมกำลังพูดถึงอะไร

พอทีมงานเข้าใกล้เท่านั้นแหละ

คนที่ไม่มีเซ้นส์เรื่องพวกนี้

กลับขนแขนลุกทันที

.

“ใช่…เค้าแรงมากพี่ ผมว่าเจ้าของตัวจริงอยู่ห้องนั้น”

ผมตะโกนบอกทีมงาน

ระหว่างที่ผมกำลังดูห้องอื่น

.

ทีมงานไม่กล้าเข้าห้องนั้น

แต่พอมีคนเยอะขึ้น

เงาก็วิ่งขึ้นขื่อขึ้นฝ้าตามปกติ

ทำให้ผมกล้าเข้าไปดูว่าห้องนั้นมีอะไร

.

จริงๆห้องนั้นไม่น่าใช่มาสเตอร์เบดรูมนะ

มึห้องน้ำและwalk in closet เล็กๆในตัว

แต่พลังงานรวมอยู่ในนี้สูงมาก

ไม่แน่อาจจะถึง 10 ตน

.

พอหันกำลังจะออกจากห้องนี้

มีกลุ่มเงาจางๆยังยืนขวางอยู่ตรงประตู

ผมก็เดินออกไปแบบไม่สนใจ

.

ผมบอกทีมงานว่า

“บ้านนี้แรงกว่าบ้านใหญ่อีก”

แล้วผมก็รีบเดินออกอย่างรวดเร็ว

.

ผมเดินวนดูชั้น 2 อีกสักพัก

แล้วค่อยออกมานอกตัวบ้าน

ทีมงานรออยู่ข้างล่างแล้ว

เลยวนไปข้างบ้านเพื่อขึ้นชั้น 3 ต่อ

.

ซึ่งชั้น 3 ไม่มีอะไรมาก

มีแต่พลังงานอ่อนๆ

กลิ่นเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไร

.

ลักษณะของชั้น 3

จะว่าเป็นห้องใต้หลังคาก็ไม่เชิง

เหมือนเป็นอีกชั้นนึงมากกว่า

แต่แปลกตรงที่ต้องเข้าข้างบ้าน

เพราะในตัวบ้านไม่มีทางขึ้นชั้น 3

.

หลังจากเดินครบทั้งหมดแล้ว

ผมอยาก…”#ท้าทาย

“ตะกี้มันคืออะไรวะ”

ตอนนั้นคือจะห้าว/อยากรู้อยากเห็น/อยากรู้ความจริง

หลายอารมณ์มาก

.

เลยขอทีมงานให้รอข้างนอก

แล้วผมขอเดินขึ้นชั้น 2 อีกรอบ…คนเดียว

ซึ่งไม่ต้องบอกให้รอ

ทีมงานไม่ขอขึ้นไปด้วยอยู่แล้ว

.

พอถึงบันไดตรงชั้นพัก

ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้

เหมือนเสียใจอะไรอยู่

.

พอเค้ารู้ว่าผมกำลังขึ้นมาอีกรอบ

กลุ่มเงาโผล่มาอีกรอบ

ในหัวมีแต่เสียงคำว่า”ออกไป”,”อย่า”,”หยุด”

ผมขึ้นไปชั้น2

ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งกว่าเดิมมาก

คือมันแน่นและอึดอัดไปหมด

จนหูอื้อไปหมด

.

และเกิดอาการขนหัวลุกเกิดขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นครั้งนึง

ตอนไปตึกที่มีวิญญาณทำแท้งค์แถวสาทร

.

เงาเรียงตัวขวางตรงปลายบันไดเยอะมาก

และไม่สลายไปด้วย

เวลาสัมผัสเหมือนไปชนฟองน้ำขนาดใหญ่

แต่เค้ากลับไม่สลายออกไป

.

ผมขึ้นไปยืนกลางบ้าน

แล้วตะโกนว่า “ขออนุญาตนะครับ” วนไปเรื่อยๆ

ระหว่างนั้นก็ถ่ายรูปทุกห้องอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะห้องที่มีหมอน 2 ใบอยู่กลางห้อง

แล้วรีบลงมาแบบทันที

.

อาการตอนนั้นคือผมปวดขมับมาก

หูชา หน้าชาไปหมด

ร่างกายส่วนหน้าที่ไปกระทบกับทางนั้น

เย็นวาบไปหมด

.

ผมได้ส่งรูปที่ถ่ายให้กับผู้ใหญ่

ที่สัมผัสเรื่องนี่ได้ดีกว่าผม

แล้วโทรไปถาม

ให้ช่วยดูให้หน่อยว่าเห็นอะไร

.

เสียงปลายสายได้แต่บอกว่า

“อุ้ยย…”

แล้วก็เงียบยาว

“เอาเป็นว่าบ้านหลังนี้อย่าไปยุ่งละกัน ถ้าไม่เชื่อฟัง เค้ากลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราได้เลยนะ”

นี่คือคำตอบของปลายสาย

ที่ไม่ลงดีเทลอะไรมากนัก

สำหรับเคสนี้

ซึ่งผิดปกติมาก

.

เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จ

ผมเดินวนไปหน้าศาลพระภูมิ

และศาลตายาย

ข้างๆบ้านหลังเล็ก

การแตะดินในพื้นที่บริเวณนั้น

เป็นการขออนุญาตให้ท่านช่วยบอกกล่าว

ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในที่ดินแปลงนี้

.

ซึ่งได้คำตอบเหมือนกันคือ

“อย่าไปยุ่งเลย ให้เค้าอยู่ของเค้าไปเถอะ”

ผมไม่ชูดินขึ้นเหนือหัว

แล้วโรยให้หล่นให้ผ่านตา

เพื่อดูด้วยตัวเองเหมือนทุกครั้ง

เพราะถ้าเค้าเตือนมาขนาดนี้

เราควรหยุดได้แล้ว

.

เมื่อทีมงานเห็นว่าเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ก็เรียกเราขึ้นรถ

เพื่อพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

.

แต่ยังไม่ออกจากพื้นที่ของที่ดินนั้นนะ

แค่ไม่อยากให้คนดูแลพื้นที่ได้ยิน

ผมก็ได้อธิบายว่าเจออะไรบ้างในนั้น

.

.

.

ไม่แปลกเลยว่าทำไมที่ดินทำเลดีขนาดนี้

ราคาก็พอไปได้

ถึงยังไม่มีคนมาซื้อ

(มีเรื่องราวจากคนพื้นที่เล่าให้ฟังนิดหน่อย…ขอข้ามไป)

.

ถ้าถามว่าแปลงนี้

มีเจ้าที่แรงขนาดนี้

ยังจะมีทางขายได้มั้ย

ขายได้ครับ

แนะนำได้…แต่ไม่ขอยุ่งเกี่ยว

เข้าพื้นที่ได้…แต่ไม่ขอเข้าบ้านหลังเล็กเด็ดขาด

(แต่ก็เอาค่าคอมนะ 555)

.

จนถึงตอนนี้…ผ่านมา 12 ชั่วโมง

ก็ยังรู้สึกปวดขมับ หน้าชา ตัวชาอยู่

วันนี้คงต้องอาบน้ำมนต์ + สวดมนต์ใหญ่

.

เมื่อกลับบ้านมาปะติดปะต่อเรื่องราว

พอสรุปได้ว่า

บ้านหลังใหญ่

น่าจะเป็นบ้านรุ่นลูกรุ่นหลานพักอาศัยอยู่

ส่วนบ้านหลังเล็ก

เป็นบ้านที่น่าจะเป็นคนรุ่นปู่อาศัย

มีปัญหาเรื่องสุขภาพ

ระหว่างรักษาตัวก็มีบริวารมากมายคอยดูแล

ไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล

สุดท้ายมาเสียชีวิตที่บ้าน

เพราะน่าจะหวงสมบัติ

.

เชื่อว่าเป็นคนที่มีศักดินา บารมี

หรือมียศฐาบรรดาศักดิ์

ถึงมีบริวารมากมายคอยอารักขามากมายขนาดนี้

.

ผมไม่แน่ใจว่าหลังจากที่คนๆนี้เสียชีวิตแล้ว

มีการเสียชีวิตของบริวารอย่างต่อเนื่องรึเปล่า

เพราะการที่เค้าจะทำแบบนั้นได้

จะเป็นในลักษณะของทาสรับใช้

มากกว่าคนรับใช้ทั่วไป

.

แต่ที่แน่ๆ

เค้าสามารถรวมพลังงาน

ให้อยู่ภายใต้อาณัติเค้าได้เยอะขนาดนั้น

แปลว่าเค้าต้องไม่ธรรมดาจริงๆ

.

เอเจ้นท์ที่ไปขายบ้านเค้าสุ่มสี่สุ่มห้า

เห็นราคาบ้านสูงได้ค่าคอมดี

ขายได้ขึ้นมา…ระวังเค้ามาเอาคืนนะเว้ย

#น่ากลัวชิบหาย

.

ปล.ไม่ขอระบุว่าแปลงไหนนะครับ

ไม่อยากไปสร้างความกลัว

เดี๋ยวโดนฟ้อง 😅

.

ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid0NgfH3JDVNBdSraYJsqiAyZ9MWNnAyMdPv6LqXvXqywPGYaQ7fVNvFnVvQ8M6YNKel

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)