WeChat ID :
1 ในประเด็นที่เจ้าของห้อง/นายหน้า/คนเช่า
มี conflict กันเกือบทุกเคส
คือผลกระทบจาก “ความกลัว” ของผู้เช่า
มากกว่าความเสียหายจริง
.
ในทางเทคนิคหรือกฎหมาย
คำว่า “หลักมนุษยธรรม” (Humanitarian Grounds)
เมื่อมาใช้ในบริบทการปล่อยเช่า
ควรพิจารณาอย่างเป็นระบบ
.
เพราะการคืนเงินประกันก่อนครบสัญญา
ไม่ใช่แค่ตามอารมณ์หรือความสงสาร
แต่มีผลต่อความเชื่อมั่น ความยุติธรรม
และความมั่นคงของระบบเช่าโดยรวม
.
มีน้อง FC คนนึงเคยมาถามผม
เคยเห็นผมเขียนว่า
"ตามหลักก็ควรใช้ข้อตกลงตามกฏหมาย
แต่ก็ให้คำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรมด้วย"
แล้วไอ่คำว่า #มนุษยธรรมของผม
พิจารณายังไง
.
โอเค!!!
เราสามารถวาง “หลักเกณฑ์พิจารณาด้านมนุษยธรรม”
ไว้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจได้ ดังนี้
.
เกณฑ์พื้นฐานที่พอจะใช้พิจารณาได้
(อิงความสมเหตุสมผล ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของผู้เช่า)
.
.
1. เหตุผลของการย้ายออก
“เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยจริงหรือไม่”
มีข่าวสารหรือเหตุการณ์ใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องกับห้อง/ตึก
เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหว โครงสร้างสั่น ฯลฯ
มีการรับรองจากนิติฯ หรือวิศวกรว่า "ปลอดภัยแน่นอน"
.
ถ้าหลักฐานยืนยันว่า "ปลอดภัย" แล้ว แต่ผู้เช่าไม่เชื่อ
ตรงนี้ควรพิจารณาว่าเป็น "ความกลัวส่วนบุคคล"
ไม่ใช่เหตุผลอันชอบธรรมในการ break สัญญาเช่า
.
.
2. ผู้เช่าได้รับผลกระทบทางจิตใจที่รุนแรงหรือไม่
(และสามารถแสดงหลักฐาน/อาการได้)
เช่น มีใบรับรองแพทย์ด้านจิตเวช
มีบันทึกเหตุการณ์ที่ทำให้เกิด PTSD
ถ้ามี -> อาจเข้าข่ายพิจารณาเป็น
“เหตุผลด้านมนุษยธรรมพิเศษ”
.
.
3. ผู้เช่ามีพฤติกรรมรับผิดชอบและให้ความร่วมมือมาโดยตลอดหรือไม่
.
Profile ลูกค้า
จ่ายค่าเช่าตรงเวลา
ไม่ค้างค่าน้ำ ค่าไฟ
ระหว่างพักอาศัยไม่เคยสร้างปัญหา
ดูแลรักษาห้องสภาพดี
แจ้งล่วงหน้าและยอมเสียบางส่วนเพื่อให้ไม่เป็นภาระ
.
ถ้าใช่...
อาจพิจารณาคืนเงินมัดจำบางส่วน
หรือช่วยเหลือในรูปแบบอื่น
.
.
4. ระยะเวลาที่เช่ามาแล้วนานพอหรือยัง
ถ้าเช่าเกิน 1 ปี และดูแลห้องดี → อาจพิจารณายืดหยุ่น
ถ้าเพิ่งเช่าไม่ถึง 6 เดือน → ไม่คืนหรือไม่ควรคืนเต็มจำนวน
.
.
ส่วนเคสที่ "ไม่ควร" คืนเงินประกันตามหลักมนุษยธรรม
ผู้เช่าทำลายห้องแต่โยนความผิดให้ “ความกลัว”
แจ้งย้ายออกกะทันหัน ไม่ให้เวลาหาคนใหม่
ไม่ให้ความร่วมมือเรื่องการตรวจเช็คห้อง
ปฏิเสธการให้ข้อมูล/ข้อเท็จจริงอย่างไม่มีเหตุผล
.
วิธีการบริหารจัดการที่ดี
ในฐานะคนกลาง
ควรมีบันทึกการพูดคุยเป็นลายลักษณ์อักษร
เช่น Line, Email ฯลฯ
เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างโปร่งใส
.
ส่วนการเจรจาเพื่อหาบทสรุปตรงกลาง
ที่อาจจะเป็นการถอยหลังคนละก้าว
เสนอมาตรการประนีประนอม เช่น
คืนบางส่วน
ผู้เช่าเก่ารับผิดชอบในการหาผู้เช่าใหม่ในเวลาที่กำหนด
หักเฉพาะค่าทำความสะอาด + ค่าบริหาร
.
ทั้งหมดนี้คือการที่ผมใช้เป็นหลักพิจารณา
ในการหารือร่วมกับเจ้าของห้อง
เพื่อให้เจ้าของห้องตัดสินใจอีกที
เพราะคนที่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด
คือเจ้าของทรัพย์สิน
.
เราในฐานะคนกลาง (เอเจ้นท์)
อาจจะเป็นการให้คำปรึกษา
และการให้หลักเกณฑ์การพิจารณา
อย่างมีเหตุมีผล
.
.
.
อย่างเคสวันนี้
เป็นเคสที่คอนโดแห่งนึงย่านสาทร
เป็นตึกสูงตึกนึง
ที่แทบไม่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวเลย
ตรวจเช็คสภาพห้องแล้ว คือดีมาก!!!
.
ผู้เช่าเป็นชาวอินเดีย
ทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่
แจ้งย้ายออก
ให้เหตุผลว่า"ไม่สบายใจที่จะอยู่ตึกสูงอีกต่อไป"
.
เมื่อเรานำหลักเกณฑ์ข้างต้นมาพิจารณาปรากฏว่า
ห้องไม่มีรอยร้าวหรือความเสียหายใดๆเลย
ผู้เช่าไม่ขอใช้หลักพิจารณาตามสัญญาที่เซ็น ให้ใช้หลัก relation แทน
ระยะเวลาการเช่า 6 เดือน (จาก 1 ปี)
ค้างค่าไฟ 1 เดือน ค้างค่าน้ำ 6 เดือน
ไม่เคยเจอผู้เช่าจริงเลย เจอแต่ตัวแทนผู้เช่าตลอด
ถ้าหาผู้เช่าใหม่มาแทนได้แล้ว ต้องคืนเงินประกันผู้เช่าเก่า
.
ทุกอย่างต้องมีเกณฑ์พิจารณาเป็นหลักยึดถือ
ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่พอใจขนาดไหน
แต่เราก็ต้องใจแข็งและเด็ดขาด
เพื่อให้ทุกอย่างมันจบ
ทั้งหมดทั้งมวลเมื่อพิจารณาร่วมกับเจ้าของแล้ว
สรุป : ไม่คืนเงินประกัน
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่