WeChat ID :
คนรวยเค้าทำยังไง
ถึงมีรายได้ร้อยล้าน
ไปหลักพันล้านอย่างรวดเร็ว
แถมยังเสียภาษีน้อยมาก
มา...มานั่งข้างๆ
อาจารย์จะเหลาให้ฟัง
.
.
.
หลักการที่ว่าคือ
BUY-BORROW-DIE
.
1 สิ่งที่เศรษฐีมองหาไข่ทองคำ
นอกจากจะเป็นอสังหาริมทรัพย์
นาฬิกา, กระเป๋าหรือหุ้นพื้นฐานดีแล้ว
จะมีอีกอย่างนึง
ที่เค้าจะซื้อไว้เป็น Asset กัน
บางคนอาจจะนึกไม่ถึงมาก่อน
.
นั่นคือการซื้อ"ทีมกีฬา"ครับ
ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดไหน
ที่คนส่วนใหญ่นิยมดูกัน
ไม่ว่าจะเป็น ทีมบาสเก็ตบอล สโมสรฟุตบอล
ทีมรถแข่ง หรือทีมเบสบอล
Asset ประเภทนี้
เศรษฐีหลายคนถึงขั้นแย่งกันซื้อเลยก็มี
.
ส่วนหนึ่ง
อาจจะเป็นการชื่นชอบในกีฬานั้นๆ โดยส่วนตัว
แต่หารู้ไม่ว่า
จริงๆแล้วมันคือธุรกิจอีกชนิดนึง
Asset ชนิดนี้
สามารถเป็นเครดิตในการขอกู้จากธนาคารได้
.
ทีมที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
เป็นผลพลอยให้เจ้าของสโมสรถือครองทรัพย์สิน
มีมูลค่าเครดิตที่สูงขึ้นเช่นกัน
.
หรือแม้กระทั่งผลงานทางศิลปะ
ที่มีมูลค่าสูงๆ
.
Asset พวกนี้
เมื่อซื้อมาแล้ว
ไม่ขายด้วยนะ
แล้วเค้าซื้อไปทำไม?
.
นั่นเป็นเพราะถ้าเค้าขายทรัพย์สินพวกนี้ไป
Capital gain หรือเงินส่วนต่างที่เค้าได้รับ
จะต้องเสียภาษี
.
ยกตัวอย่างหุ้นมูลค่า 1,000 ล้าน
10 ปีผ่านไปอาจจะขึ้นมาเป็น 10,000 ล้าน
อัตราการโตที่เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า
ตราบใดที่ยังไม่ขาย
ยังไม่ถือว่าเป็นรายได้
ยังไม่ถือว่าเป็นกำไร
.
แต่ถ้าขายปุ๊บ
จะต้องเสียภาษีทันที
ไอ่ความต่าง 9,000 ล้านเนี่ยะ
ภาษีที่ต้องเสียเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยนะ
.
ก็จะเกิดคำถามว่า
อ้าว!?ซื้อมาแล้วไม่ขาย
จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าวกิน
.
ใช่ครับ ในเมื่อคนเราต้องกินต้องใช้
เค้าเลยไปใช้การหาเงินอีกวิธีนึง
นั่นคือการกู้ธนาคาร(Borrow)
โดยใช้สินทรัพย์ที่ตัวเองซื้อมานั่นแหละ
เป็นตัวค้ำประกัน
.
อันนี้ไม่ได้เป็นการหนีภาษีนะ
เป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง
.
ถามว่าธนาคารรับของพวกนี้เพื่อปล่อยสินเชื่อด้วยหรอ
ก็ต้องบอกว่ารับครับ
เพราะธนาคารมองว่านี่คือธุรกิจ
นี่คือสินทรัพย์
ที่ผู้กู้ที่สามารถนำมาค้ำประกันได้
.
แต่ถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระ
ธนาคารก็สามารถยึดสินทรัพย์นั้นได้เช่นกัน
.
ดังนั้นเศรษฐีส่วนใหญ่
มักจะสะสมสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ
หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Trophy Asset
.
หุ้นต้องมีพื้นฐานดี
ตึกหรือที่ดินต้องอยู่ใน Prime location
ศิลปะต้องเป็นศิลปะที่มีมูลค่า
เป็นที่ต้องการสะสมไปตลอดช่วงชีวิต
.
ดังนั้น
พอถึงเวลาจะใช้เงิน
แทนที่จะขายทรัพย์สินเพื่อเสียภาษี
เค้าใช้วิธี"กู้ธนาคาร"แทนครับ
.
เศรษฐีหลายคนเป็นเจ้าของบริษัท
เซตเงินเดือนตัวเองไม่กี่เหรียญต่อเดือน
(บางคนเซตไว้แค่ 1 เหรียญต่อเดือนเท่านั้น)
.
แน่นอน
เงินเดือนเท่านี้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้แน่นอน
แต่"มูลค่าความมั่งคั่ง"ของเค้าเหล่านั้น
กลับเพิ่มขึ้นมหาศาลในแต่ละปี
.
บางครั้งเค้าใช้ทรัพย์สินตัวเองค้ำประกัน
แล้วนำไปซื้อสินทรัพย์อย่างอื่นต่อ
อะไรที่ยังไม่ใช่รายได้(Income)
นั่นแปลว่าเค้าไม่ต้องเสียภาษี
.
ผิดกับคนทั่วไปอย่างเรา
รายได้ที่ได้มา
ยังไม่ทันได้ใช้เลย
ก็โดนหักภาษีไปแล้ว
และเป็นภาษีแบบก้าวหน้าด้วย
.
อัตราภาษีแบบก้าวหน้าคืออะไร
อธิบายง่ายๆก็คือ
ยิ่งมีรายได้มาก
ยิ่งเสียภาษีเยอะขึ้นไปอีก
ซึ่งภาษีบุคคลธรรมดา
มีเรตการเสียภาษีสูงสุดถึง 35%
(มีรายได้ 5 ล้านขึ้นไป)
.
.
.
แต่การถ้าเป็นการกู้ยืม
คุณจะเสียดอกเบี้ยแทน
และต้องเป็นดอกเบี้ย
ที่มีเรตต่ำกว่ามูลค่าความมั่งคั่งของทรัพย์สินที่ได้มาเช่นกัน
.
เช่น คุณไปกู้ธนาคารมา(ใช้ทรัพย์สินตัวเองค้ำประกัน)
คุณเสียดอกเบี้ยอยู่ที่ 2-3%
แต่การเติบโดของทรัพย์สินของคุณ
กลับมากกว่า 10 %
.
ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 2 บาท
แต่ได้ทรัพย์สินมูลค่า 10 บาท
ส่วนต่าง 8 บาทที่เหลือ
ก็สามารถหมุนเอาไปซื้อ Trophy Asset ได้อีกอย่างไม่จำกัด
เรียกว่าหาเงินได้แบบ infinity กันเลยทีเดียว
.
ดังนั้นพวกนี้มีจุดประสงค์การกู้ต่างจากคนอื่น
คนทั่วไปอาจจะกู้เพื่อบริโภค
กู้เพื่อที่อยู่อาศัย
กู้เพื่อความจำเป็นพื้นฐาน
.
แต่คนพวกนี้กู้เพื่อซื้อทรัพย์สิน
และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก
.
กลยุทธ์แบบนี้
CEO ระดับโลกหลายคนใช้กัน
ไม่ว่าจะเป็น CEO จาก Google, Microsoft, Nike
.
แต่ใช้ว่าวิธีนี้จะไม่มีข้อเสียเลย
ก็มีคนเคยเจ๊งกับวิธีนี้เหมือนกัน
ดังนั้นคุณต้องรู้ตัวเอง
ว่าคุณต้องเป็นคนมีการเงินที่ดีมากๆ
และมองธุรกิจได้อย่างเฉียบคม
.
ทรัพย์สินที่คุณซื้อ
จะต้องเติบโตเกินอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมมา
.
.
.
เรารู้หลักการ Buy และ Borrow ละ
แล้ว Die คืออะไร?
.
Die คือการส่งต่อมรดกครับ
คนรวยเนี่ยะ
เค้าวางแผนไว้หมดกระทั่งตอนตัวเองจากไป
มรดกจะเป็นการโอนทรัพย์สินที่เสียภาษีน้อยมาก
.
ยกตัวอย่างเช่น
พ่อแม่ซื้อหุ้นมาตอนราคา 10 บาท
พอพ่อแม่จากไป
หุ้นตอนนั้นขึ้นมาเป็น 100 บาท
.
ตอนพ่อจากไป
หุ้นถูกส่งต่อให้ลูก
ไอ่หุ้นมูลค่า 100 บาทเนี่ยะ
ลูกไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว
.
ในอเมริกาก็เป็นกรณีพิพากษ์กันอยู่
ว่ามันไม่แฟร์เลย
ที่มหาเศรษฐีคนนึง
ตั้งแต่เกิดยันตาย
ไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว
.
แต่ในอีกมุมนึง
มันก็ไม่แฟร์กับลูกหลานที่ได้รับมรดกเช่นกัน
ที่จะต้องมาเสียภาษีในราคาที่พ่อแม่ซื้อไว้ตั้งแต่แรก
.
ดังนั้นคุณจะเริ่มเห็นว่า
ทำไมคนที่มีความรู้ทางด้านกฏหมาย,ภาษีและการเงิน
สามารถสร้างฐานะได้อย่างรวดเร็ว
ความมั่งคั่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด
จนเกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นเรื่อยๆ
.
สุดท้ายนี้หวังว่า
คนที่อ่านบทความนี้
จะเริ่มแง้มกะโหลกเคาะกะลา
เริ่มศึกษาเรื่องของกฏหมาย ภาษี
และการเงินมากขึ้นนะครับ
.
[เครดิต]
เนื้อหานี้สรุปมาจาก
"สูตรคนรวยตลอดกาล ของคน 1 % ที่คน 99 % ไม่รู้" จาก พอล ภัทรพล
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10163009981153696&set=a.10151674408178696