BUY-BORROW-DIE: กลยุทธ์ความมั่งคั่งของคนรวย ที่คนทั่วไปไม่เคยรู้

ทำไมเศรษฐีถึงรวยยิ่งรวยขึ้น แถมเสียภาษีน้อยกว่าเรา? ถอดสูตรลับ BUY-BORROW-DIE ที่ทำให้ 1% ของคนบนโลก ครอบครองทรัพย์สินระดับพันล้าน

post date  โพสต์เมื่อ 23 มี.ค. 2568   view 53
article

คนรวยเค้าทำยังไง

ถึงมีรายได้ร้อยล้าน

ไปหลักพันล้านอย่างรวดเร็ว

แถมยังเสียภาษีน้อยมาก

มา...มานั่งข้างๆ

อาจารย์จะเหลาให้ฟัง

.

.

.

หลักการที่ว่าคือ

BUY-BORROW-DIE

.

1 สิ่งที่เศรษฐีมองหาไข่ทองคำ

นอกจากจะเป็นอสังหาริมทรัพย์

นาฬิกา, กระเป๋าหรือหุ้นพื้นฐานดีแล้ว

จะมีอีกอย่างนึง

ที่เค้าจะซื้อไว้เป็น Asset กัน

บางคนอาจจะนึกไม่ถึงมาก่อน

.

นั่นคือการซื้อ"ทีมกีฬา"ครับ

ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดไหน

ที่คนส่วนใหญ่นิยมดูกัน

ไม่ว่าจะเป็น ทีมบาสเก็ตบอล สโมสรฟุตบอล

ทีมรถแข่ง หรือทีมเบสบอล

Asset ประเภทนี้

เศรษฐีหลายคนถึงขั้นแย่งกันซื้อเลยก็มี

.

ส่วนหนึ่ง

อาจจะเป็นการชื่นชอบในกีฬานั้นๆ โดยส่วนตัว

แต่หารู้ไม่ว่า

จริงๆแล้วมันคือธุรกิจอีกชนิดนึง

Asset ชนิดนี้

สามารถเป็นเครดิตในการขอกู้จากธนาคารได้

.

ทีมที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

เป็นผลพลอยให้เจ้าของสโมสรถือครองทรัพย์สิน

มีมูลค่าเครดิตที่สูงขึ้นเช่นกัน

.

หรือแม้กระทั่งผลงานทางศิลปะ

ที่มีมูลค่าสูงๆ

.

Asset พวกนี้

เมื่อซื้อมาแล้ว

ไม่ขายด้วยนะ

แล้วเค้าซื้อไปทำไม?

.

นั่นเป็นเพราะถ้าเค้าขายทรัพย์สินพวกนี้ไป

Capital gain หรือเงินส่วนต่างที่เค้าได้รับ

จะต้องเสียภาษี

.

ยกตัวอย่างหุ้นมูลค่า 1,000 ล้าน

10 ปีผ่านไปอาจจะขึ้นมาเป็น 10,000 ล้าน

อัตราการโตที่เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า

ตราบใดที่ยังไม่ขาย

ยังไม่ถือว่าเป็นรายได้

ยังไม่ถือว่าเป็นกำไร

.

แต่ถ้าขายปุ๊บ

จะต้องเสียภาษีทันที

ไอ่ความต่าง 9,000 ล้านเนี่ยะ

ภาษีที่ต้องเสียเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยนะ

.

ก็จะเกิดคำถามว่า

อ้าว!?ซื้อมาแล้วไม่ขาย

จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าวกิน

.

ใช่ครับ ในเมื่อคนเราต้องกินต้องใช้

เค้าเลยไปใช้การหาเงินอีกวิธีนึง

นั่นคือการกู้ธนาคาร(Borrow)

โดยใช้สินทรัพย์ที่ตัวเองซื้อมานั่นแหละ

เป็นตัวค้ำประกัน

.

อันนี้ไม่ได้เป็นการหนีภาษีนะ

เป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง

.

ถามว่าธนาคารรับของพวกนี้เพื่อปล่อยสินเชื่อด้วยหรอ

ก็ต้องบอกว่ารับครับ

เพราะธนาคารมองว่านี่คือธุรกิจ

นี่คือสินทรัพย์

ที่ผู้กู้ที่สามารถนำมาค้ำประกันได้

.

แต่ถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระ

ธนาคารก็สามารถยึดสินทรัพย์นั้นได้เช่นกัน

.

ดังนั้นเศรษฐีส่วนใหญ่

มักจะสะสมสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ

หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Trophy Asset

.

หุ้นต้องมีพื้นฐานดี

ตึกหรือที่ดินต้องอยู่ใน Prime location

ศิลปะต้องเป็นศิลปะที่มีมูลค่า

เป็นที่ต้องการสะสมไปตลอดช่วงชีวิต

.

ดังนั้น

พอถึงเวลาจะใช้เงิน

แทนที่จะขายทรัพย์สินเพื่อเสียภาษี

เค้าใช้วิธี"กู้ธนาคาร"แทนครับ

.

เศรษฐีหลายคนเป็นเจ้าของบริษัท

เซตเงินเดือนตัวเองไม่กี่เหรียญต่อเดือน

(บางคนเซตไว้แค่ 1 เหรียญต่อเดือนเท่านั้น)

.

แน่นอน

เงินเดือนเท่านี้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้แน่นอน

แต่"มูลค่าความมั่งคั่ง"ของเค้าเหล่านั้น

กลับเพิ่มขึ้นมหาศาลในแต่ละปี

.

บางครั้งเค้าใช้ทรัพย์สินตัวเองค้ำประกัน

แล้วนำไปซื้อสินทรัพย์อย่างอื่นต่อ

อะไรที่ยังไม่ใช่รายได้(Income)

นั่นแปลว่าเค้าไม่ต้องเสียภาษี

.

ผิดกับคนทั่วไปอย่างเรา

รายได้ที่ได้มา

ยังไม่ทันได้ใช้เลย

ก็โดนหักภาษีไปแล้ว

และเป็นภาษีแบบก้าวหน้าด้วย

.

อัตราภาษีแบบก้าวหน้าคืออะไร

อธิบายง่ายๆก็คือ

ยิ่งมีรายได้มาก

ยิ่งเสียภาษีเยอะขึ้นไปอีก

ซึ่งภาษีบุคคลธรรมดา

มีเรตการเสียภาษีสูงสุดถึง 35%

(มีรายได้ 5 ล้านขึ้นไป)

.

.

.

แต่การถ้าเป็นการกู้ยืม

คุณจะเสียดอกเบี้ยแทน

และต้องเป็นดอกเบี้ย

ที่มีเรตต่ำกว่ามูลค่าความมั่งคั่งของทรัพย์สินที่ได้มาเช่นกัน

.

เช่น คุณไปกู้ธนาคารมา(ใช้ทรัพย์สินตัวเองค้ำประกัน)

คุณเสียดอกเบี้ยอยู่ที่ 2-3%

แต่การเติบโดของทรัพย์สินของคุณ

กลับมากกว่า 10 %

.

ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 2 บาท

แต่ได้ทรัพย์สินมูลค่า 10 บาท

ส่วนต่าง 8 บาทที่เหลือ

ก็สามารถหมุนเอาไปซื้อ Trophy Asset ได้อีกอย่างไม่จำกัด

เรียกว่าหาเงินได้แบบ infinity กันเลยทีเดียว

.

ดังนั้นพวกนี้มีจุดประสงค์การกู้ต่างจากคนอื่น

คนทั่วไปอาจจะกู้เพื่อบริโภค

กู้เพื่อที่อยู่อาศัย

กู้เพื่อความจำเป็นพื้นฐาน

.

แต่คนพวกนี้กู้เพื่อซื้อทรัพย์สิน

และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก

.

กลยุทธ์แบบนี้

CEO ระดับโลกหลายคนใช้กัน

ไม่ว่าจะเป็น CEO จาก Google, Microsoft, Nike

.

แต่ใช้ว่าวิธีนี้จะไม่มีข้อเสียเลย

ก็มีคนเคยเจ๊งกับวิธีนี้เหมือนกัน

ดังนั้นคุณต้องรู้ตัวเอง

ว่าคุณต้องเป็นคนมีการเงินที่ดีมากๆ

และมองธุรกิจได้อย่างเฉียบคม

.

ทรัพย์สินที่คุณซื้อ

จะต้องเติบโตเกินอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมมา

.

.

.

เรารู้หลักการ Buy และ Borrow ละ

แล้ว Die คืออะไร?

.

Die คือการส่งต่อมรดกครับ

คนรวยเนี่ยะ

เค้าวางแผนไว้หมดกระทั่งตอนตัวเองจากไป

มรดกจะเป็นการโอนทรัพย์สินที่เสียภาษีน้อยมาก

.

ยกตัวอย่างเช่น

พ่อแม่ซื้อหุ้นมาตอนราคา 10 บาท

พอพ่อแม่จากไป

หุ้นตอนนั้นขึ้นมาเป็น 100 บาท

.

ตอนพ่อจากไป

หุ้นถูกส่งต่อให้ลูก

ไอ่หุ้นมูลค่า 100 บาทเนี่ยะ

ลูกไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว

.

ในอเมริกาก็เป็นกรณีพิพากษ์กันอยู่

ว่ามันไม่แฟร์เลย

ที่มหาเศรษฐีคนนึง

ตั้งแต่เกิดยันตาย

ไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว

.

แต่ในอีกมุมนึง

มันก็ไม่แฟร์กับลูกหลานที่ได้รับมรดกเช่นกัน

ที่จะต้องมาเสียภาษีในราคาที่พ่อแม่ซื้อไว้ตั้งแต่แรก

.

ดังนั้นคุณจะเริ่มเห็นว่า

ทำไมคนที่มีความรู้ทางด้านกฏหมาย,ภาษีและการเงิน

สามารถสร้างฐานะได้อย่างรวดเร็ว

ความมั่งคั่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด

จนเกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นเรื่อยๆ

.

สุดท้ายนี้หวังว่า

คนที่อ่านบทความนี้

จะเริ่มแง้มกะโหลกเคาะกะลา

เริ่มศึกษาเรื่องของกฏหมาย ภาษี

และการเงินมากขึ้นนะครับ

#นี่แหละการเบิกเนตร

.

[เครดิต]

เนื้อหานี้สรุปมาจาก

"สูตรคนรวยตลอดกาล ของคน 1 % ที่คน 99 % ไม่รู้" จาก พอล ภัทรพล
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10163009981153696&set=a.10151674408178696

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)