เหตุผลที่ต้องซ่อมห้องเช่าให้เหมือนเดิม: ไม่ใช่แค่จุดเดียวก็พอ

ขออนุญาตเอาโพสน้องคนนึง
เป็นวิทยาทานนะครับ
.
(ให้คำปรึกษาไปละ
แต่อยากให้ความรู้คนอื่นด้วย)
.
ผู้เช่าจะชอบคิดว่า
”เป็นที่จุดเดียวก็ซ่อมแค่จุดเดียว
ทำไมต้องทำใหม่ทั้งหมด“
.
จริงๆเป็นการคิดไม่ถูกซะทีเดียวครับ
เพราะการสั่งซื้อพื้นใหม่
มันไม่สามารถซื้อเฉพาะแผ่นเดียวได้
มันต้องซื้อยกกล่อง
(ไม่มีใครซื้อพื้นสแปร์ไว้หรอกครับ)
.
พอซื้อมายกกล่อง
ตามธรรมชาติเลย
ของที่ถูกใช้งานแล้ว
กับของใหม่
สีมันจะต่างกันครับ
มันทำให้ห้องดูมีตำหนิ
และปล่อยต่อยากขึ้น
.
ยิ่งถ้าเกิดจากบวมเพราะความชื้น
ความชื้นมันเหมือนไวรัสอ่ะครับ
มันจะไปติดกับแผ่นอื่นด้วยรึเปล่า
ณ ตอนนั้นไม่สามารถทราบได้
.
ยิ่งถ้าตำแหน่งมันไม่โดดแดดด้วย
ถ้ามันไม่แห้งสนิทจริงๆ
มันจะลามไปเรื่อยๆครับ
.
การแก้เป็นจุดๆ
มันเสี่ยงต่อการแก้แล้วแก้ไม่จบ
มันเลยจำเป็นต้องรื้อใหม่หมด
.
แต่ถ้าเป็นรอยบิ่นเล็กน้อย
หรือของตกจนเป็นจุดหลุม
พวกนี้มันโป้วแล้วถ้าสีทับได้ครับ
ลายไม้มันจะเนียนๆตาไป
.
เรื่องสีก็เช่นกันครับ
ถ้าไม่ได้มีสแปร์สีไว้
หรือเป็นโค้ดสีพิเศษ
มันต้องซื้อใหม่ทั้งกระป๋อง
.
ถ้าจะแก้แค่จุดเดียว
มันจะเป็นรอยใหม่อยู่จุดเดียว
มันประหลาดครับ
เลยจำเป็นต้องถามทับใหม่ทั้งห้อง
ยิ่งถ้าเป็น wallpaperนี่
งานเข้าเลยครับ
แก้ให้เหมือนเดิมยาก
ต้องติดใหม่เท่านั้น
.
ดังนั้นผู้เช่าควรรักษาห้องเช่าให้ดีที่สุด
เราเข้ามาสภาพแบบไหน
ตอนออกไปควรให้เป็นสภาพแบบน้้น
.
ในมุมของเจ้าของ
สมัยนี้การแข่งขันมันสูงครับ
ห้องเช่าเปรียบเหมือนของซื้อของขาย
ต้องแต่งหน้าแต่งตาให้สวยกว่าปกติ
ต้องมีสภาพเหมือนใหม่อยู่ตลอด
มันถึงจะมีโอกาสปล่อยเช่าได้ไวขึ้น
.
คนเช่าเอง
ก็คงไม่อยากเช่าห้อง
ที่มีแต่รอยตำหนิเช่นกัน
ถูกมั้ยครับ?
.
บางเจ้าของไม่ซีเรียสก็โชคดีไปครับ
แต่ถ้าบางคนเค้าซีเรียส
ก็อาจจะต้องเข้าใจมุมเค้าด้วยนะครับ

.
ปล.
ค่าสี 1 กระป๋องมีตั้งแต่ 600 ยัน 4,000
ถ้าเป็นพวก TOA
หรือพวกมีคุณสมบัติกันแดด กันชื้น สะท้อนน้ำ
ก็จะมีราคาสูงกว่าสีปกติ
ค่าอื่นๆ เช่น
ค่ารถ 500-1,000
ค่าแรงช่าง 1,000-1,500 
.
ร่วมพูดคุยได้ที่
https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid022TdReQ2rF1SDA6xSVGdNErFWWiBL6MDzvSYpNwQJs11HLPo76PMwM3cqEEEjqyCkl