Yield กับ ROI ต่างกันยังไง? เข้าใจง่ายใน 5 นาที!

ปรียบเทียบ Yield และ ROI – ใช้ตอนไหน? คำนวณยังไง? อ่านจบ รู้เรื่อง!

post date  โพสต์เมื่อ 13 ก.พ. 2568   view 24683
article

🐮AG : พี่Ex ๆ เวลาลงทุนอสังหา เห็นบางคนเค้าพูดว่า ถ้าปล่อยเช่าควรคำนวนว่าได้ Yield กี่ % แต่เห็นบางคนพูดว่าถ้าเป็นแนวบริหารกิจการ ควรคิด ROI ว่าได้อยู่ที่กี่ %, สรุป Yield กับ ROI มันต่างกันยังไง 🥹
🐻Ex : มี net พิมพ์ถาม แต่ไม่ค่อยใช้ net เข้า google เน๊อะ 🤨
🐮AG : คือ...หนูอ่านแล้วไม่เข้าใจอ่ะ เวลาพี่อธิบายหนูดันเข้าใจ 😅
🐻Ex : อือจ่ะ ภาระกูซะงั้น...อ่ะมา เดี๋ยวจะเหลาให้ฟัง 🙄
.
.
.
Yield และ ROI
เป็นตัวชี้วัดทางการเงิน
ที่ใช้วัดผลตอบแทนจากการลงทุน
แต่มีความแตกต่างกัน
ในด้านการคำนวณและการนำไปใช้
.
มาเริ่มกันที่ Yield ก่อนละกัน
#Yield
คืออัตราผลตอบแทน
ที่ได้รับจากการลงทุน
ในรูปแบบของกระแสเงินสด
เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล
เทียบกับมูลค่าการลงทุน
.
ซึ่ง Yield จริงๆมีหลายแบบ
.
1.Gross Rental Yield
คือ อัตราผลตอบแทนที่ได้จากการเช่าเบื้องต้น
หรือถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ
ก็คือการซื้อคอนโดหรือทรัพย์ดังกล่าวมาแล้ว
ทำการปล่อยเช่าทันที
ปราศจากการตกแต่ง
หรือการซื้อเฟอร์นิเจอร์
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
เพิ่มให้กับผู้เช่า
.
ซึ่งถือเป็นการลงทุน
ที่เหมาะกับผู้ที่มีเงินเย็น
หรือจ่ายเงินพร้อมสำหรับการซื้อสินทรัพย์
#โดยไม่ต้องทำการกู้ซื้อ
.
2.Net Rental Yield
คืออัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าแบบสุทธิ
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ซื้อสินทรัพย์มาลงทุน
แต่ทั้งนี้ยังต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
อาทิ ค่าส่วนกลาง ค่านายหน้า
ต้องเอารายได้มาหักลบรายจ่ายก่อน
ถึงจะเรียกว่า #ผลตอบแทนสุทธิ
.
3.Cash on Cash Rental Yield
คือ อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่า
จากเงินสดในรอบปี
เหมาะสำหรับนักลงทุน
ที่กู้ซื้อทรัพย์มาเพื่อปล่อยเช่า
โดยนักลงทุนกลุ่มนี้
คาดหวังว่าจะได้
#ค่าเช่าที่สูงกว่าค่างวดที่ผ่อนรายเดือน
.
สูตรการคำนวน คือ
Yield = (รายได้ค่าเช่าต่อปี / มูลค่าการลงทุน) x 100
.
ตัวอย่าง : ซื้อคอนโดมา 10,000,000 บาท ได้รับค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท
.
Yield = ( 50,000 x 12 / 10,000,000) x 100 = 6 %
.
ได้รับผลตอบแทน 6% ต่อปี
จากการลงทุนคอนโดปล่อยเช่า
.
ถ้าเป็น Net Yield
ก็หักลบค่าส่วนกลางไป 1 เดือน
ค่านายหน้าอีก 1 เดือน (ถุ้ามี)
สุทธิจะได้ค่าเช่าอยู่ที่ 10 เดือน
.
Yield = ( 50,000 x 10 / 10,000,000) x 100 = 5 %
.
เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว
ได้รับผลตอบแทน 5% ต่อปี
.
.
.
ต่อมาเรามาดูที่ ROI (Return on Investment) กัน
#ROI
คือผลตอบแทนรวมจากการลงทุน
เทียบกับต้นทุนการลงทุน
โดยคำนึงถึงกำไรหรือขาดทุน
จากมูลค่าของสินทรัพย์
.
สูตรการคำนวน
ROI = (กำไรหรือขาดทุนสุทธิ / ต้นทุนการลงทุน) x 100
.
เอาไว้ใช้ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนโดยรวม
รวมถึงการซื้อขายสินทรัพย์
หรือการเอาไปทำประโยชน์อื่นๆ
.
ยกตัวอย่าง : ซื้อคอนโดมา 10,000,000 บาท แต่สุดท้ายขายได้ที่ 15,000,000 บาท
.
ROI = (15,000,000 - 10,000,000 / 10,000,000) X 100 = 50%
.
ความหมายคือ
การที่เราซื้อคอนโดมา 10 ล้าน
แล้วปล่อยขายได้ที่ 15 ล้าน
ROI เราจะอยู่ที่ 50 %
.
ดังนั้นจะเห็นว่า
ความแตกต่างของ Yield กับ ROI นั้น
อยู่ในหมวดของการเอามาคำนวนผลตอบแทนเหมือนกัน
แต่ต่างกันตรงการนำไปใช้ในการคำนวน
.
สรุป
Yield เหมาะสำหรับวัดผลตอบแทนประจำปี
เช่น ดอกเบี้ยหรือเงินปันผล
.
ROI เหมาะสำหรับวัดความคุ้มค่าของการลงทุนโดยรวม
ทั้งกำไรและขาดทุน
.
ทีนี้เข้าใจรึยัง
ว่าการที่เราจะหาผลตอบแทนอะไรสักอย่าง
แบบไหนจะต้องใช้ Yield
แบบไหนจะต้องใช้ ROI 

.

ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid0aCCzLefcN3V1VD5XGw7RB3q4QtpH1irfEzg6nfejvXKZPMC2mHvaFE83YPVDZnql

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)