WeChat ID :
กดแชร์ไม่ได้ ขออนุญาต Repost
เป็นเรื่องของการบริหารค่าส่วนกลางของบริษัทนึง
ในโครงการแถวอ่อนนุช
(Public ได้แหละมั้ง)
.
ด้วยความที่โครงการนี้
ผู้ที่ไม่จ่าย/ค้างชำระส่วนกลางในโครงการนี้
มีเพียง 6% เท่านั้น
.
แต่เงินบริหารกลับหมดเกลี้ยง
และกำลังใช้เงินทุนสำรองอยู่
ตอนนี้ใช้ไปถึง 40 % แล้ว
(3.74 ล้านจาก 9.55 ล้าน)
คาดว่าอีก 5 เดือนจะไม่มีเงินสำรอง
และจะเกิดปัญหาตามมามากมาย
.
มีหลายเพจแชร์เรื่องนี้ไปแล้ว
ผมขอพูดในเชิงของการบริหารค่าส่วนกลางของนิติโครงการ
ที่เจ้าของร่วมควรรู้ละกัน
.
คอนโดมิเนียมก็ไม่ต่างอะไรจากเมืองจำลอง
ที่ลูกบ้านทุกคนเป็น “เจ้าของร่วม”
การอยู่ร่วมนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลส่วนกลาง
เช่น ลิฟต์ สระว่ายน้ำ สวน ระบบไฟฟ้าและน้ำ
รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยและแม่บ้าน
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ถูกเก็บเป็น “ค่าส่วนกลาง”
คิดตามพื้นที่ห้องชุด (บาท/ตร.ม./เดือน)
.
พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522
มาตรา 18 และ 33 วางหลักว่า
เจ้าของห้องชุดทุกคน
ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลาง
ตามสัดส่วนพื้นที่ของตน
นิติบุคคลอาคารชุดมีหน้าที่จัดเก็บและบริหาร
เพื่อให้โครงการอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
.
ส่วนเรื่องปัญหาการเงินที่ไม่พอใช้
เอาจริงๆไม่ใช่แค่เฉพาะโครงการนี้
แต่เป็นเหมือนโรคประจำตัวในหลายๆโครง
ซึ่งสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องนี้
มีอยู่ 3 สาเหตุหลักๆ
.
1.ตั้งค่าส่วนกลางต่ำเกินจริงตอนขายห้อง
เพื่อจูงใจผู้ซื้อ
แต่สุดท้ายไม่พอใช้
.
2.การค้างชำระของลูกบ้าน
ห้องบางส่วนไม่จ่าย
ทำให้ภาระตกกับผู้ที่จ่ายปกติ
.
3.ค่าใช้จ่ายแฝง
เช่น การซ่อมบำรุงใหญ่ เปลี่ยนลิฟต์ ระบบปั๊มน้ำ ฯลฯ
ที่ใช้เงินก้อนโตในการจัดการ
.
.
ถ้าเรามองในเรื่องของกฏหมายการบังคับ
ที่ต้องให้เจ้าของร่วมต้องจ่ายค่าส่วนกลาง
.
ตาม มาตรา 18/1 พ.ร.บ.อาคารชุดฯ
หากเจ้าของห้องชุดไม่จ่ายค่าส่วนกลาง
นิติบุคคลมีสิทธิดังนี้
1.คิดดอกเบี้ยผิดนัด (ไม่เกิน 12% ต่อปี)
2.ฟ้องบังคับคดี ยึดทรัพย์ บังคับขายทอดตลาด
3.ที่สำคัญ: ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ห้องได้จนกว่าจะชำระหนี้ค่าส่วนกลางครบ (มาตรา 18/1 วรรคท้าย)
.
ดังนั้น ค่าส่วนกลางไม่ใช่เรื่องความสมัครใจ
แต่เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช่เลย...ก็ต้องจ่าย
.
.
.
อย่างเคสนี้
ถ้าจะให้วิเคราะห์เชิงการเงิน
.
สมมติคอนโดมีพื้นที่ขายรวม 20,000 ตร.ม.
ค่าส่วนกลางปัจจุบัน 55 บาท/ตร.ม./เดือน = 13.2 ล้านบาท/ปี
ค่าใช้จ่ายจริงกลับแตะ 18 ล้านบาท/ปี
.
ผลลัพธ์: ขาดดุล 4.8 ล้านบาท
ต้องดึงเงินกองกลางมาใช้
เมื่อเงินสำรองหมด
ก็ต้องปรับขึ้นค่าส่วนกลาง
.
นี่คือเหตุผลที่บางโครงการ
เสนอปรับค่าส่วนกลางขึ้นจาก
55 บาท → 70 บาท → 85 บาท/ตร.ม. ภายใน 2 ปี
เพื่อให้รายได้ตรงกับรายจ่ายจริง
.
ดังนั้นข้อควรรู้สำหรับลูกบ้าน
1.เข้าประชุมใหญ่
ตามกฎหมาย มาตรา 49
การปรับขึ้นค่าส่วนกลาง
ต้องได้รับมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม
.
2.ตรวจสอบงบการเงินประจำปี
นิติบุคคลต้องเปิดเผยงบการเงินต่อที่ประชุมใหญ่
ให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบ
.
3.เปรียบเทียบกับโครงการใกล้เคียง
อัตราค่าส่วนกลางที่สมเหตุสมผล
ควรใกล้เคียงกับมาตรฐานในพื้นที่เดียวกัน
.
4.ติดตามการใช้กองทุนซ่อมใหญ่ (Sinking Fund)
เพราะเป็นเงินสำหรับเปลี่ยนทรัพย์สินอายุการใช้งานยาว
เช่น หลังคา ระบบไฟ สระว่ายน้ำ
.
.
.
การบริหารค่าส่วนกลางของนิติบุคคลคอนโด
คือการเดินบนเส้นบาง ๆ
ระหว่างความพอใจของลูกบ้าน
กับความจริงทางการเงิน
.
หากตั้งต่ำเกินไป
โครงการจะทรุดโทรมไว
หากสูงเกินไปก็จะถูกต่อต้าน
.
ทางออกคือ บริหารอย่างโปร่งใส
สื่อสารตรงไปตรงมา
เปิดเผยรายจ่ายทุกบาททุกสตางค์
และทำ Stress Test
ว่าแม้มีการค้างชำระ นิติฯ
ยังอยู่ได้กี่เดือน
.
เมื่อลูกบ้านเห็นความจริงด้วยตนเอง
การปรับขึ้นค่าส่วนกลางก็จะได้รับความเข้าใจมากขึ้น
.
Crภาพ.คุณกร Phitchakorn Watcharanurak
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่