ทางสามแพร่งไม่ได้แย่เสมอไป: ทำเลเด่นที่คนมองข้าม

เปลี่ยนความเชื่อ ‘ที่ดินอับโชค’ ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ

post date  โพสต์เมื่อ 19 พ.ย. 2568   view 8073
article

วันก่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแถวทาวน์อินทาวน์

ตอนกำลังเช็คบิล

คุณ ผจก.ทักว่า

“ร้านอยู่ตรงทางสามแพร่งแต่คนเยอะมากเลยนะ”

ผมเลยบอกไปว่า

“จริงๆทาง 3 แพร่งมันเป็นชัยภูมิที่ดีนะ

คนยังเข้าใจผิดเรื่องนี้อยู่เยอะ”

เลยเป็นที่มาของบทความนี้

.

.

.

ในวัฒนธรรมไทย

เมื่อพูดถึงบ้านที่ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง

ภาพจำที่หลายคนมีคือ

“บ้านผีสิง” “ที่ดินอับโชค” หรือ “อยู่แล้วไม่ดี”

ความเชื่อเหล่านี้ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน

.

จนทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย

ปฏิเสธการอยู่อาศัยหรือการลงทุน

ในทำเลลักษณะนี้

โดยไม่ทันได้มองอีกด้านหนึ่ง

.

ทั้งที่ความจริงแล้ว

“ทางสามแพร่ง”

ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย

หากเข้าใจให้ถูกต้อง

มันยังมีข้อดีและ

ความเหมาะสมบางประการ

ที่หลายคนไม่เคยนึกถึง

.

.

1.ความเชื่อที่บิดเบือนมูลค่าจริง

ทางสามแพร่งถูกตีตราว่า

“ผีผ่าน” “ลมพัดแรง” หรือ “พลังร้ายปะทะตรงบ้าน”

ความเชื่อเหล่านี้

ทำให้เจ้าของมักขายที่ในราคาต่ำกว่าตลาด

บางกรณีอาจถูกกดราคาลงไป 15-30%

โดยไม่เกี่ยวข้องกับศักยภาพแท้จริงของทำเลเลย

มันคือ Discount by Belief

ส่วนลดที่เกิดจากความเชื่อ

ไม่ใช่จากปัจจัยเศรษฐกิจจริง

.

2. ข้อได้เปรียบเชิงทำเลที่หลายคนมองข้าม

#Visibilityสูง

ธุรกิจที่ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง

จะโดนสายตาผู้คนที่ผ่านไปมา

มากกว่าทำเลในซอยลึก

.

#TrafficFlow

ถนนที่บรรจบ3สาย

หมายถึงโอกาสที่จะได้ลูกค้า

จากหลายทิศทางพร้อมกัน

.

#Accessง่าย

รถวิ่งมาได้หลายด้าน

การขนส่งสินค้าเข้าถึงสะดวก

เหมาะกับธุรกิจ SME

และร้านที่ต้องการ “หน้าเด่น”

.

ตัวอย่างชัดเจนคือ

ร้านกาแฟหัวมุมใหญ่ในเมืองหลวง

ที่คนเจอโดยไม่ต้องเสิร์ช Google Maps

ก็ยังขับรถเข้าไปได้

รวมถึง ร้านอาหาร คาเฟ่ คลินิก ร้านขายยา

หรือออฟฟิศ

ที่อยากสร้างภาพลักษณ์ให้ลูกค้าเจอได้ทันที

.

3. ศักยภาพทางการค้าและมูลค่าเชิงธุรกิจ

แม้ความเชื่อทางสามแพร่ง

อาจทำให้ราคาที่ดินถูกกดลง

เมื่อเทียบกับทำเลข้างเคียง

แต่ในเชิงธุรกิจนี่กลับเป็น “โอกาส”

เพราะนักลงทุนสามารถซื้อได้ในต้นทุนต่ำ

แล้วปรับใช้ให้เหมาะสมกับกิจการ

ที่ต้องการทำเลเด่น

เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ หรือสำนักงานขายโครงการอสังหาฯ

ที่ต้องการหน้าตาเด่น

.

การมองในมุมนี้

คือการใช้ ข้อเสียที่กลายเป็นข้อดีทางเศรษฐกิจ

.

4. มิติทางสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

หากเข้าใจเรื่องการออกแบบสถาปัตยกรรม

บ้านตรงทางสามแพร่งสามารถปรับแก้ได้

ไม่ว่าจะเป็นการวางแนวบ้าน

ให้หลีกเลี่ยงการหันประตูตรงกับถนน

การสร้างแนวกั้นด้วยต้นไม้ กำแพง

หรือการวางอาคารเชิงพาณิชย์

ที่ใช้มุมทางสามแพร่งเป็น “จุดขาย”

ตัวอย่างเช่น อาคารหัวมุมสวยๆ

ในกรุงเทพหรือเมืองใหญ่ทั่วโลก

หลายแห่งกลับกลายเป็น Landmark

ที่มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม

.

5. เหมาะกับใครและธุรกิจแบบไหน

ผู้ประกอบการ

คนทำธุรกิจที่ต้องการทำเลเด่น คนเห็นง่าย

เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ หรือโชว์รูม

.

นักลงทุนอสังหา

ผู้ที่มองหาทำเลราคาถูกกว่าตลาด

เพื่อรีโนเวทแล้วปล่อยเช่าหรือขายต่อ

.

คนรุ่นใหม่ที่ไม่ติดความเชื่อเดิม

เจ้าของบ้านที่อยากได้ทำเลเดินทางสะดวก คมนาคมดี

และไม่กังวลเรื่องโชคลาง

.

องค์กรหรือธุรกิจที่ต้องการพื้นที่สำนักงาน

ทาง 3 แพร่งช่วยให้พนักงานและลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย

.

ดังนั้นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ทางสามแพร่ง”

ทำให้หลายคนมองเพียงด้านลบ

ทั้งที่จริงแล้วข้อดีนั้นชัดเจน

.

หากวิเคราะห์อย่างนักลงทุน

จะเห็นว่าทำเลเช่นนี้

คือโอกาสที่ซ่อนอยู่ในกรอบความเชื่อ

.

เมื่อเราปรับมุมมองและเข้าใจกลยุทธ์การใช้สอย

ก็จะรู้ว่าทางสามแพร่งไม่ใช่ “บ้านผีสิง”

แต่คือ จุดยุทธศาสตร์ของการค้าและการลงทุน

ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มองเห็นโอกาสก่อนใคร

.

ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid099nPw5KVeBN3jpm8HHPNGa2nhxCJfjkgKB8FYpY2EBtwpVW759Q1ycb8emPAeJHgl

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)