นิทานอสังหา EP.9: กับดักชีวิตนายหน้า — ภาพลักษณ์หรือภาพลวง

เบื้องหลังภาพ BMW หน้า 10 ล้าน บ้านหรู และชีวิตนายหน้า “ดูดี” ที่ไม่เหมือนในเฟซบุ๊ก

post date  โพสต์เมื่อ 19 พ.ย. 2568   view 25018
article

นิทานอสังหา EP.9 กับดักชีวิตนายหน้า

ภาพลักษณ์หรือภาพลวง

.

เวลาคนทั่วไปเห็นเอเจ้นท์อสังหาฯ บน facebook

หน้าแน่น ผมเป๊ะ การแต่งกายสุดปัง

รองเท้าคัชชูขัดเงาจนแทบเป็นกระจกส่องหน้า

ขับ BMW ไปยืนหน้าบ้านหลัก 10 ล้าน

เซลฟี่กับกับเจ้าของบ้าน

แล้วลงแคปชั่น…

“วันนี้มาปิดดิลกันนะครับ owner”

.

เปิดมาแบบนี้

โอ้โห…ใครมันจะไม่อยากทำอาชีพนี้วะ

คนก็คิดกัน…เออเนอะ

งานง่าย เงินดี แต่งตัวสวยๆ

ถ่ายรูปลงโซเชียลแล้วก็รอค่าคอมเข้าบัญชี

.

แต่พวกคุณรู้มั้ย เบื้องหลังคืออะไร?

ความจริงคือ…

ก่อนจะได้ยืนถ่ายรูปหน้าบ้านนะ

กูนั่งกินข้าวเหนียวหมูฝอยในรถ

เพราะไม่มีเวลาลงไปนั่งกินที่ร้าน

แก้วสตาร์บัคสีทองแวววาว

ข้างในคือกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ 12 บาท

แช่น้ำแข็งจนจืดเป็นน้ำล้างเท้า

.

สูทนี่รีดเอง ซักเอง ตากเอง

เพราะร้านซักรีดคิด 60 บาท

(60 บาทนี่ได้กาแฟเบอร์ดี้ 5 กระป๋องเลยนะมึง)

.

รองเท้าเงาๆ นี่ก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก

เดินไปลุยสวนหลังสวนแล้วดินมันเลอะรองเท้า

เลยเอาทิชชู่เปียกเช็ด มันเลยเงาไง

แต่เวลาโพสต์ลง คนก็คิดว่า

“เฮ้ย! งานอะไรดูสบายดีจัง”

.

แล้วรถยุโรปในรูป… อย่าเข้าใจผิด

บางทีมันไม่ใช่รถเรา

ตอนกูไปเปิดบ้าน

กูขับ Honda City 2014 ที่ขาดส่งประกันมา 2 ปี

ไปจอดหลบข้าง ๆ

.

ลูกค้าขับ BMW มาจอดตรงหน้าบ้านพอดี

เฮ้ย!!! รถสวยหว่ะ ขอยืนพิงเป็น prop แปบ

โพสต์เสร็จ เพื่อนๆคอมเมนต์ “ชีวิตดีจังมึง”

ดี…แต่กูผ่อนรถคันนี้ไม่ไหวหรอก

.

เวลานัดลูกค้าที่ร้านกาแฟหรู ๆ แก้วละร้อยกว่า

ในใจกูอยากกินโอเลี้ยงข้างถนนแก้ว 20 บาท

ไม่ต้องมีฟองนมก็ได้

ขอไข่ลวก 2 ฟองก็พอ

เซ็นสัญญาเสร็จแล้ว

จะได้มีแรงไปงานอื่นต่อ

.

แต่กลัวลูกค้าเจอ

แล้วความเชื่อถือหาย

นั่งคุยกันเรื่องบ้าน 10 ล้าน 100ล้าน

ในร้านคาเฟ่หรู

.

ในใจคิดอย่างเดียว

“พี่อย่าสั่งของแพงนะ กูเลี้ยงไม่ไหว”

แต่ปากดันพูด…

“อยากทานอะไรเพิ่มมั้ยครับ เดี๋ยวผมเลี้ยง”

ส่วนผมทานมาเรียบร้อยแล้ว

น้ำเปล่าขวดเดียวก็พอ

.

บางวันไปโครงการใหม่

น้ำส้มเย็น ๆ เสิร์ฟฟรี แอร์เย็นฉ่ำ

เพลง style bozza nova เบาๆ

เหมือนหลุดเข้าไปอยู่บน rooftop โรงแรม 5 ดาว

.

เดินจิบ ๆ น้ำไป ยิ้มไป

คุยกับคนนั้นที คนนี้ที

หน้าตากึ่มๆ เมาดิบไปเรื่อย

เหมือนเป็นเศรษฐีเดินดู project 1,000 ล้าน

แต่พอออกมานอกโครงการ…

นั่งโทรหาลูกค้าเก่า

“คุณลูกค้าครับ พอดีผมเพิ่งได้ข้อมูลโครงการใหม่ สนใจจะนัดดูบ้านมั้ยครับ”

.

ภาพลักษณ์มันพาไปไกล

แต่ยอดตัวเลขในบัญชี…นิ่งสนิทเหมือนภาพภาพ

.

เพื่อนในเฟซก็ทัก “โห ชีวิตดี๊ดี อยากทำงานแบบมึงเลย”

มึงอยากทำเหรอ...มาซิ

เดือนนี้กูยังไม่มีเงินค่าน้ำมันรถเลย

แต่ก็ไม่พูดออกไป

เพราะไม่อยากให้ใครรู้

ว่าหลังบ้านเรามันไม่ได้สวยเหมือนหน้าเพจ

.

กับดักนายหน้าที่โหดสุด

คือการต้องดูดีตลอดเวลา

บางทีกระเป๋าสตางค์บางจนลมพัดปลิว

แต่หน้าต้องแน่น ชุดต้องแพง

.

เพราะลูกค้าซื้อบ้าน

เขาซื้อความมั่นใจด้วย

เราเลยต้องเล่นบทนี้ให้เนียนที่สุด

แม้บางคืนจะกลับไปนั่งซดมาม่าแล้วคิดว่า

“เดือนนี้กูจะได้ปิดดีลได้มั้ยวะ”

.

และความจริงอีกอย่าง…

งานนี้ไม่ใช่แค่ขายบ้านนะ

มันขายความเชื่อและความหวังด้วย

.

เวลาเราพาลูกค้าไปดูบ้าน

กูต้องทำให้เขารู้สึกว่า “นี่แหละบ้านในฝัน”

ทั้งที่ในหัวเรากำลังคิดว่า

“ขอให้เขาวางจองทีเถอะ กูต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตแล้ว”

.

แล้วรู้มั้ยอะไรตลกที่สุด

ลูกค้าบางคนก็ถามตรง ๆ

“ทำงานเป็นนายหน้า รวยมั้ย?”

เราก็ต้องตอบแบบยิ้ม ๆ “ก็พออยู่ได้ครับ”

…ทั้งที่ในใจอยากตอบว่า

“กูต้องอยู่ให้ได้แหละ ไม่ทำแล้วจะเอาอะไรแดก”

.

ชีวิตเอเจ้นท์นี่มันเหมือนเล่นละครเวที

ที่ไม่มีวันปิดม่าน

ทุกวันคือรอบการแสดงใหม่

แต่คนดูไม่รู้ว่าข้างหลังเวที…

เราเหนื่อยขนาดไหน

.

เรายิ้มตลอดเวลา ยืนท่าดีตลอดเวลา

เดินไปที่ไหนต้องทำตัวให้มั่นใจตลอดเวลา

เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เดินสวนเรา

คือว่าที่ลูกค้าหรือเปล่า

.

ในวงการนี้นะ ถ้า Balance ชีวิตตัวเองไม่ดี

สุดท้ายอาจเหลือแค่ภาพ

.

แต่เราก็ยังทำต่อ เพราะเราเชื่อว่า…

วันหนึ่ง ภาพที่เราสร้าง

มันจะไม่ใช่แค่ภาพ jpg

แต่มันจะเป็นภาพความจริงทั้งชีวิต

.

พวกมึงเห็นแต่มุมดีๆกันมาเยอะแล้ว

เดี๋ยวกูเล่าเรื่องที่เค้าไม่พูดถึงให้ฟังสัก 3 เรื่อง

.

เรื่องโหดที่ 1 – นัดแล้วหาย

เคยนัดลูกค้าดูบ้านแถวบางนา 11 โมงเช้า

กูตื่นตั้งแต่ 6 โมง

โกนหนวด แต่งหน้า รีดสูท ขัดรองเท้า ล้างรถ

นั่งเตรียมข้อมูลอย่างดี

ไปถึงบ้านก่อนเวลาเกือบชั่วโมง

survey ในโครงการ

นั่งบิ้วตัวเองกับ Vibe ภายในบ้าน

เสมือนกูกำลังเป็นเจ้าของบ้าน

มา present เอง

.

แต่รอ…รอ…รอจนบ่ายโมง โทรไปก็ไม่รับ

สุดท้ายได้ข้อความตอนค่ำ “พอดีไม่ว่างแล้วครับ ติดประชุมด่วน”

อห.!!!! ถ้าบอกแต่เช้า

กูเอาเวลานั้นไปนอนต่อได้ 3 ตื่นเลยนะ

.

เรื่องโหดที่ 2 – ลูกค้าเทกลางฝน

อีกที นัดดูคอนโดหรูวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

วันนั้นฝนตกหนักมาก

กูก็ขับรถไปเรื่อยๆ

ทั้งๆที่น้ำท่วมครึ่งล้อ

จังหวะออกมาจากรถวิ่งเข้าตึก

สูทเปียกเหมือนเพิ่งเล่นสงกรานต์

ผมก็อุตส่าห์เซ็ตมาดิบดี

ถึงล็อบบี้ ก็โทรหาลูกค้า…

เขาบอก “ฝนตกหนักแบบนี้ไม่สะดวกออกครับ”

เฮ้ย! กูอยู่นี่แล้วเว้ย!!!!!

ฝนก็ทำกูเปียกแย่แล้ว

มึงยังเทให้กูเปียกกว่าเดิมอีก

.

เรื่องโหดที่ 3 – ดิลจบแต่ตัวเลขไม่จบ

ปิดการขายบ้านได้ ดีใจแทบร้องไห้

เพราะไฟต์มาเกือบ 3 เดือน

แต่พอถึงวันโอน

ค่าใช้จ่ายวันโอนที่แจ้งไปกลับไม่ตรง

เจ้าของเก่าไม่จ่าย…

ผู้ซื้อก็มองหน้าเราแบบ “แล้วใครจะจัดการ”

สุดท้ายต้องวิ่งเคลียร์กันวุ่นวาย

หวยตกที่ใครล่ะ

เอเจ้นท์ไงสาดดดดด!!!

ต้องเจียดค่าคอมส่วนนึงไปเป็นค่าโอน

ที่คิดว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้…

สุดท้ายแล้วแทบไม่เหลืออะไร

.

สุดท้ายแล้ว…อาชีพเอเจ้นท์

มันไม่ใช่อาชีพที่หรูเหมือนใน social

มันคืออาชีพที่ต้องแสดงความพร้อม

แม้ข้างในจะโคตรไม่พร้อม

มันคือการยิ้ม

ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งโดนเท

มันคือการแต่งเต็ม

ทั้งที่กระเป๋าสตางค์เหลือร้อยเดียว

.

เราทำเพราะเราเชื่อว่า…

ถ้าเราทำให้ลูกค้าเชื่อว่าเขาจะได้บ้านในฝัน

วันหนึ่งเราก็จะได้ชีวิตในฝันเหมือนกัน

.

แต่ระหว่างทาง…ก็อย่าลืมดูแลตัวเอง

อย่าทำให้ภาพลักษณ์ติดแกรม

จนชีวิตจริงต้องติดลบ

เพราะภาพมันสำคัญก็จริง

แต่ชีวิตจริงสำคัญกว่า

.

ถ้าคุณเห็นเอเจ้นท์โพสต์รูป

กับ BMW หน้าบ้านหรู 10 ล้าน

อย่าเพิ่งคิดว่าเขารวย…อาจจะเป็นรถลูกค้าก็ได้

หรือไม่ก็…รถจอดข้างบ้านแล้วเผลอเดินไปพิง

แค่นั้นแหละ

.

ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid02ZugF1mKEFgMbUvKnPZ3DUULQhxdQcbfVr4KwoqKXcTrQ8YTCYpztVXSm3MLLmgiil

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)