WeChat ID :
นิทานอสังหา EP.7 (4/4)
“ชื่อของฉัน…ไม่อนุญาตให้ใครมาแอบอ้าง”
.
“ฉันไม่รู้จักเขา
แต่บ้านของฉัน…กลับไปอยู่ในทุกโพสต์ของเขา
โดยที่เค้าไม่เคยได้เอ่ยปากขอ”
.
“แอล”
Designer ที่มีฝีมือจัดจ้านในวงการ
รักความเป็นส่วนตัว
และมีรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์
.
บ้านหลังมุมในรามอินทรา
คือบ้านที่เธอลงรายละเอียดทุกอย่างด้วยตัวเอง
แม้กระทั่งโคมไฟในครัว
.
บ้านหลังนี้เธออยู่กับพ่อมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
เมื่อพ่อเธอเสียไป
เธอจึงวางแผนขายบ้านหลังนี้
และตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่สวิตเซอร์แลนด์ถาวร
.
.
.
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ...
ก่อนจะถึงบ้าน
เธอ “เห็นบ้านตัวเอง” บนมือถือก่อนแล้ว
.
โพสต์ TikTok
คลิปรีวิว
แคปชั่นขายทรัพย์
ภาพนิ่งที่คุ้นตา
และเสียงผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อ…
อ้างตัวว่าเป็นผู้ได้รับมอบหมาย
ในการดูแลบ้านของเธอ
.
เธอส่งข้อความไปหา เบนซ์
คนที่เธอไว้ใจ
ผู้ชายที่ดูไม่หือไม่อือกับอะไร
มีแต่รอยยิ้มและคำพูดที่ดูบ้านๆ
แต่เชื่อมโยงระหว่างคำว่า “มืออาชีพ” กับ “จริงใจ” ได้ดีที่สุดในสายตาเธอ
.
“เบนซ์ นี่บ้านพี่ถูกโพสต์ลง TikTok หรอ?”
“คนชื่อ ‘นนท์’ คือใคร?”
เบนซ์อ่านข้อความนั้น…นานมาก
แต่ตอบกลับเพียงสั้น ๆ
.
“คนที่ผมเคยไว้ใจครับ
แล้วเขาก็หักหลังผม
และหักหลังพี่...โดยที่พี่ไม่เคยรู้จักเขาเลย”
.
เธอพิมพ์กลับว่า
“พรุ่งนี้สะดวกมาเจอกันที่บ้านพี่ไหม?
พี่อยากฟังจากปากเบนซ์โดยตรง”
.
โต๊ะไม้โอ๊คทรงกลมในบ้านหลังมุม
ที่ครั้งหนึ่งใช้วางแจกัน
วันนี้กลายเป็นโต๊ะสารภาพความจริง
เบนซ์พูดทุกอย่าง
ด้วยน้ำเสียงเรียบ
แต่สีหน้าเหมือนคนที่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ
ความอัดอั้นที่ไม่เคยถูกระบาย
มันปะทุจนหัวใจแทบรับไม่ไหว
.
เบนซ์เล่าเรื่องทุกอย่าง
ทั้งตอนที่ส่งภาพให้
ทั้งตอนที่เห็นนนท์โพสต์
ทั้งตอนที่รับโทรศัพท์จากคนที่เคยไว้ใจ
เขาเล่าทั้งหมดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
.
“พี่ครับ…ผมเคยให้ภาพเขาไปแค่บางส่วน
เคยเล่าให้เขาฟังเรื่องบ้านหลังนี้
แต่ผมไม่เคยให้เขาไปพูดแทนพี่
และไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะไปตั้งราคาขายเอง
โดยไม่ผ่านพี่แม้แต่คำเดียว…”
.
ตอนพูดถึงประโยคสุดท้าย
เบนซ์นิ่งไปนาน
แล้วก็เงยหน้ามองแอล
น้ำตาคลอเบ้า…ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นว่า
“ผมไม่รู้จะขอโทษยังไง
พี่ไว้ใจผม แต่ผม…ดันไว้ใจคนผิด”
.
เธอฟังเงียบ ๆ
ไม่มีเสียงตำหนิ
มีแต่ความเข้าใจที่ไหลผ่านแววตา
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกเบนซ์
แต่เราคงต้องทำให้ความจริง มันพูดได้ด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
.
หลังมื้อนั้น
เธอส่งเบนซ์ขึ้นรถ
เธอกลับขึ้นห้อง
นั่งลงหน้าคอม
และเขียนโพสต์เพียงไม่กี่ย่อหน้า
แบบไม่ระบุชื่ออ้างอิงใคร
.
“บ้านหลังนี้เป็นของฉัน
ฉันไม่เคยให้ใครดูแล
ไม่เคยให้ใครตั้งราคาตามใจ
ไม่เคยให้ใครใช้ชื่อฉันไปอ้าง
ถ้ามีใครบอกว่าบ้านนี้เขาดูแล…นอกจากเบนซ์
ขอให้รู้ไว้ว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง”
และแอลก็ tag คนที่ควรได้รับเกียรติ
คือ @Benz Realtor
.
โพสต์นั้นไม่พุ่งแรง
เพราะแอลไม่ใช่คนเล่น Social
แต่มันก็สะเทือนถึงดวงดาว
ในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง
.
ชื่อของนนท์เริ่มโผล่ในคอมเมนต์
กลุ่มนายหน้าเริ่มพูดถึง
อดีตลูกทีมเริ่มขุดโพสต์เก่า
และคนในวงการเริ่มพูดปากต่อปากว่า
.
“มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มันทำแบบนี้”
“เอาอีกแล้ว!!! เจาะเสร็จ ทำตัวเป็นเจ้าของ”
“ให้ข้าวหมายังรู้สึกดีกว่าร่วมงานกับคนชื่อนนท์อีก”
“เอเจ้นท์.jpg โดนแหกละครับท่านผู้ชม”
.
หลังจากโพสต์ของแอลกระจายไปในกลุ่มนายหน้า
ชื่อของนนท์เริ่มหลุดจากคำว่า “ซุปตาร์”
แล้วเปลี่ยนสถานะเป็น
“นายหน้าเจาะทรัพย์จนคนทั้งวงการเอือมระอา”
.
ในวันเดียวกัน
กลุ่มไลน์นายหน้า 4 กลุ่มใหญ่
แชร์โพสต์ของแอลแบบไม่ได้นัดหมาย
ชื่อของเบนซ์ถูก tag ในคอมเมนต์ด้วยความเห็นใจ
แต่ชื่อของ “นนท์” ถูกพูดถึงในคอมเมนต์…ด้วยความจำได้
.
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขา “ทำแบบนี้”
มันแค่เป็นครั้งแรกที่ “เจ้าของบ้าน” เลือกจะพูด
อดีตลูกทีมเริ่มทยอยแชทเข้ามา
บางคนส่งข้อความว่า
.
“ผมขอโทษพี่เบนซ์
ตอนนั้นผมก็เคยถูกพี่นนท์ให้ไปหาชื่อเจ้าของในโฉนดเหมือนกัน
แล้วสุดท้ายพี่นนท์ก็เอาทรัพย์นั้นไปลงเอง”
.
บางคนโพสต์ว่า
“ผมเคยโดนพี่นนท์บอกว่าไม่ต้องโคกับเจ้าของ
ถ้าหาทางติดต่อเองได้ก็ไม่ต้องแบ่ง
ผมโง่ที่เชื่อเขา”
.
บางคนพิมพ์ตรง ๆ ว่า
“คนแบบนนท์ต้องกินข้าวผ่านธูป”
.
ตอนนี้
บัญชีของนนท์เงียบสนิท
ไม่โพสต์-ไม่ขาย-ไม่พูด
.
เขาเริ่มลบโพสต์เก่าอย่างเร่งรีบ
โดยเฉพาะโพสต์ที่เกี่ยวกับบ้านของแอล
คลิปถูกกดลบ
Caption ถูกแก้
โพสต์หายไปหลาย 10 รายการในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
แต่สิ่งที่เขาลบไม่ได้คือ “ความทรงจำของผู้คน”
ที่รู้แล้วว่า...ภาพลักษณ์ของเขา มันไม่ใช่ของจริง
.
ตอนบ่าย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หน้าจอแสดงชื่อว่า “แม่”
นนท์ลังเลอยู่หลายวินาที
ก่อนจะกดรับ
.
“ลูก…แม่เห็นโพสต์ในเฟซบุ๊ก
เขาว่าลูกเอาบ้านคนอื่นไปลงขาย
โดยที่เค้าไม่ได้ยินยอม
มันเรื่องจริงหรือเปล่าลูก?”
.
เขาเงียบ
แม่ไม่ได้พูดซ้ำ
แค่รอฟัง
.
เขานิ่งนาน...
แล้วในที่สุด
เสียงก็หลุดออกมาจากลำคอที่แห้งผาก
“อ๋อ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เคลียร์กันแล้วครับ”
.
เขาก้มหน้า
น้ำเสียงสั่น
ไม่ได้กลัวใครด่า
แต่กลัว…“ความผิดหวังในสายตาคนที่รักเขาที่สุดในชีวิต”
.
นนท์กดความรู้สึกตัวเองไว้ระหว่างสนทนา
นนท์บีบมือตัวเองแน่น
และกัดเข้าที่ง่ามมือ
เพื่อให้ความเจ็บปวด
กลบความละอายของตัวเอง
ระหว่างที่สนทนากับแม่
.
นนท์วางสาย
เปิดมือถือ
อ่านข้อความในโพสต์ของแอลซ้ำอีกครั้ง
“บ้านนี้ ฉันไม่เคยให้ใครดูแล
นอกจาก @Benz Realtor”
.
และในวินาทีนั้น
นนท์รู้แล้วว่า…
เขาไม่ได้แค่เสียบ้านหลังหนึ่ง
ไม่ได้แค่พลาดดีลใหญ่
แต่เขา “หมดความน่าเชื่อถือ” ในวงการ
หมดที่พึ่งจากอดีตลูกทีม
หมดพื้นที่ในใจของคนดูคอนเทนต์
และที่หนักที่สุด
“นนท์ไม่ได้เป็นอย่างที่แม่หวัง”
.
เขาโพสต์อีกครั้งในคืนนั้น
ไม่ใช่โพสต์ขาย
แต่เป็นโพสต์ขอโทษ
ไม่มีชื่อคน ไม่มีการแท็ก
มีแค่รูปท้องฟ้า…กับข้อความสั้น ๆ
.
“ผมเคยทำผิด
ขอโทษทุกคนที่ผมเคยทำให้เสียใจ
และขอโทษแม่…ที่ทำให้แม่ผิดหวังในลูกคนนี้”
.
นนท์ไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับการขายบ้านหลังนี้
แต่ครั้งนี้ ไม่มีใครกดไลก์มากมายเหมือนที่เคย
.
แชร์น้อยมาก
มีแต่คอมเมนต์ที่เป็น pattern ตามๆกันมาว่า “สู้ ๆ นะพี่นนท์”
เพราะนี่คือจุดที่ทุกคนรู้แล้วว่า
“ถ้าพื้นฐานของความสำเร็จ
มันถูกสร้างด้วยกลโกงของความไว้ใจ
ต่อให้สูงแค่ไหน สุดท้ายมันก็จะพังทลายอยู่ดี”
.
หลังจากนนท์โพสต์ขอโทษ
และความเงียบได้กลืน feed ของเขาไป
.
นนท์พยายามสร้าง account ใหม่ขึ้นมา
เพื่อให้ทุกคนลบภาพจำในอดีต
แต่ทุกครั้งที่มีการโพส
นนท์ไม่กล้าที่จะเอาหน้าตัวเองเข้ากล้องอีกแล้ว
.
มันเลยทำให้โพสที่โพสออกไป
ไม่ได้รับความสนใจเหมือนที่แล้วมา
จากคนที่เคยเป็น Someone
กลายเป็น Noone ในช่วงเวลาอันสั้น
.
ความน่าเชื่อถือ
เป็นสิ่งนึงที่สร้างยากที่สุด
เค้ากลับทำลายมันด้วยมือของเค้าเอง
.
.
.
วันหนึ่ง
1 ในลูกค้าที่เคยพยายามติดต่อนนท์
แต่ไม่เคยได้รับนัด
เพราะ “ยังไม่ผ่านเกณฑ์คัดกรอง”
แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะขอเข้าดูบ้าน
.
และเบนซ์…คือชื่อที่พวกเขาเจอจากโพสต์ของแอล
เบนซ์ไม่ได้พูดว่าตัวเองถือสิทธิ์
ไม่ได้ประกาศว่าเป็นผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียว
เขาแค่พูดว่า
.
“ผมขอพาทุกคนเข้าบ้านนี้...ด้วยความเคารพในเจ้าของ
และขอให้ทุกคนรู้ว่าบ้านหลังนี้พิเศษจริง ๆ
ไม่ใช่เพราะใครเป็นคนขาย
แต่เพราะมันเป็นบ้านที่ถูกออกแบบด้วยใจ”
.
วันนั้น...เบนซ์พาชมบ้าน
ตอบคำถามทุกข้อ
ดูแลทุกอารมณ์
และไม่เคยรีบเร่งให้ใคร “ตัดสินใจตอนนี้”
.
ลูกค้าคนนี้
ที่เคยถูกเมินจากนนท์
สุดท้าย...กลายเป็นผู้ซื้อที่แฮปปี้ที่สุดเท่าที่เบนซ์เคยดูแลมา
.
ดิลจบ
เบนซ์ได้ค่าคอมเต็ม
ไม่มีการโค
.
ดิลที่เบนซ์เคยจะปล่อยจอย
ปล่อยให้ลอยไปกับความผิดหวัง
ตอนนี้คือดิลที่ทำให้เบนซ์จับเงินล้านเป็นครั้งแรก
.
วันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน
แอลเดินมายืนข้างเบนซ์
ไม่มีพิธีรีตอง
ไม่มีคำพูดยาว
.
เธอแค่ยิ้ม
แตะไหล่เขาเบา ๆ
แล้วพูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและชัดเจนว่า
.
“สำเร็จแล้วนะ...เบนซ์”
และในวินาทีนั้น
เบนซ์ไม่ได้ยิ้มกว้าง
แค่หลุบตาลง…และพยักหน้าเบา ๆ
.
เพราะเขารู้
นี่ไม่ใช่ความสำเร็จของการปิดดิล
แต่มันคือความสำเร็จของการยืนด้วยขาของตัวเอง
โดยไม่ต้องเหยียบหัวใคร...
.
หลังจากโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้น
เบนซ์เดินออกจากกรมที่ดิน
ไม่ได้ถ่ายเซลฟี่
ไม่ได้โพสต์สลิป
เขาเพียงแค่กลับบ้าน
เปิดมือถือ
แล้วเห็นโพสต์ของใครคนหนึ่งขึ้นมาในไทม์ไลน์…
เป็นโพสต์ของ “คุณแอล” เจ้าของบ้านหลังนั้น
.
เขาอ่านข้อความทีละบรรทัด
“บ้านหลังนี้ขายเรียบร้อยแล้วนะคะ
ขอบคุณเอเจนท์มืออาชีพที่ดูแลบ้านของฉันด้วยหัวใจ
@Benz Realtor คือนายหน้าคนเดียวที่ฉันไว้ใจ
และฉันก็คิดถูก ที่ได้เลือกเค้ามาช่วยดูแลบ้าน”
โพสต์เรียบง่าย ไม่มีดราม่า
แต่แท็กชื่อเขา…ชัดเจน
.
วันรุ่งขึ้น
มีเพจอสังหาฯ ชื่อดัง
ที่เคยตามข่าว “บ้านViral” หลังนี้
Inbox มาขอสัมภาษณ์เบนซ์
“เราอยากสนทนากับคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร”
.
เบนซ์นั่งตรง ๆ พูดช้า ๆ
อธิบายว่าเขาไม่ได้เก่งกว่าคนอื่น
แค่ตั้งใจฟังเจ้าของบ้าน
และทำทุกอย่างเหมือนดูแลบ้านของตัวเอง
.
สัมภาษณ์กันจริงอยู่ที่ 2 ชั่วโมง
แต่คลิปสัมภาษณ์ถูกตัดออกมาเป็นความยาว 40 นาที
และถูกเผยแพร่ทุก Platform
.
สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ
คลิปนี้กลับดังขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ถูกแชร์ในกลุ่มนายหน้า
เพจอสังหาฯ
และแม้แต่เพจของวงการ HR, นักออกแบบ, บริการลูกค้า ฯลฯ
.
“นี่คือความหมายของคำว่า ‘มืออาชีพ’”
“เบนซ์ไม่ได้ขายแค่บ้าน...แต่เขาเคารพความเป็นเจ้าของของผู้อื่น”
“นี่คือสิ่งที่วงการต้องการมากกว่า content ที่เร้าใจ”
.
ภายใน 3 สัปดาห์
ยอดติดตามของเบนซ์ในแฟนเพจเพิ่มขึ้นหลายพันคน
แต่สิ่งที่เปลี่ยนมากกว่านั้น…คือ Inbox
“พี่ตามหานายหน้าแบบนี้มานานแล้วค่ะ”
“รบกวนมาขายบ้านให้พี่หน่อยนะ”
“พี่ยอมเซ็นสัญญาปิดเลยก็ได้”
“ขอแค่น้องช่วยดูแลมันเหมือนบ้านน้องเองก็พอ”
“อยากให้เบนซ์ดูแลบ้านให้”
“บ้านพี่ไม่ได้ขายแพงแต่หาคนที่มีความตั้งใจขายให้”
“ถ้าคุณเบนซ์รับดูแล พวกเราจะไม่คุยกับนายหน้าคนอื่นเลยค่ะ”
.
เบนซ์อ่านทุกข้อความ
ไม่ได้ตอบรวดเร็ว
เขายังคงตอบแบบเดิม
นัดคุย-เช็กบ้าน-เดินไปดูด้วยตัวเอง
เขาไม่รีบ-ไม่หิวแสง-ไม่เร่งดัน
.
ตอนนี้…
เขาไม่ต้อง ตามหา ทรัพย์อีกต่อไป
เพราะ “ทรัพย์ที่ดี”
เริ่มตามหาเขาแทนแล้ว
.
“ไม่มีบ้านหลังไหน…ใหญ่เกินความจริงใจ
และไม่มีความสำเร็จไหน…ที่แทนความเชื่อใจของเจ้าของบ้านได้”
และนั่นแหละคือบทจบของนิทานเรื่องนี้
.
“บางคนสำเร็จด้วยการแย่ง
บางคนสำเร็จด้วยการเหยียบ
แต่บางคน…สำเร็จด้วยความเงียบ
ที่หนักแน่นพอจะทำให้ทุกคนอยากเดินตาม”
.
จบนิทาน EP.7 อย่างสมบูรณ์
รู้นะว่าแอบน้ำตาไหลกันอยู่ ☺️
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่