WeChat ID :
นิทานอสังหา EP.7 (2/4)
ความเจ็บปวดจากคนที่ผมเคยเรียกว่า “ไอดอล”
.
เขาชื่อเบนซ์
เด็กหนุ่มอายุ 24 ปี
บ้านอยู่แถวบางกรวย ปลายสายรถเมล์ 203
แม่ขายก๋วยเตี๋ยว พ่อออกเรือหาปลา
เงินเดือนแรกของเขา…
ได้จากการรับจ้างตัดต่อวิดีโอรีวิวอาหาร
เดือนละ 6,800 บาท
.
เขาเรียนไม่จบ
แต่ไม่ได้ขี้เกียจ
เขาพูดเก่ง ยิ้มเก่ง ใจดีเกินไป
จนบางทีเหมือนอ่อนไหวต่อความฝัน
และนั่นคือเหตุผลที่เขาตกหลุมรัก
พี่นนท์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง Live ใน TikTok
.
“ถ้าน้องไม่มีเงิน ก็ใช้แรงแทนทุนได้ครับ”
เสียงพี่นนท์พูดด้วยโทนอบอุ่น
ไม่รีบ ไม่ขายฝัน
มีความเป็นพี่คนหนึ่ง...
มากกว่าคนที่อยากชวนคนมาร่วมงาน
.
เบนซ์ฟังจนจบ แล้วตัดสินใจทักไป
ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
พิมพ์ๆๆลบ ๆๆ
พิมพ์ใหม่อยู่หลายรอบ
จนกลั่นออกมาได้ว่า
“พี่ครับ ผมอยากทำอาชีพนี้จริง ๆ ผมไม่มีทุนเลย แต่ผมขอเรียนรู้ได้มั้ยครับ? ผมจะช่วยพี่ให้ถึงที่สุด”
.
เขาไม่หวังอะไร
แค่ขอพื้นที่เล็ก ๆ ให้ตัวเองรู้สึกว่า
ชีวิตไม่ได้หยุดอยู่กับคำว่า “ไม่มีอะไรเลย”
.
พี่นนท์ตอบกลับมาในเย็นวันนั้น
“มาเลยน้อง พี่ก็เริ่มจากไม่มีเหมือนกัน”
ไม่ถึง 5 นาที เบนซ์ถูกดึงเข้ากลุ่ม
“ทีมพี่นนท์”
.
ที่มีเอเจนท์ทั้งมือใหม่ มือกลาง มือโปร
แต่ละคนทักทาย ยินดีต้อนรับ
มีรูปรีวิว ปิดดีล ลูกค้ายืนยิ้ม ถือกุญแจอยู่หน้าบ้าน
เบนซ์รู้สึกเหมือนได้เข้าโรงเรียนที่ไม่มีตารางสอน
แต่มีความหวังเป็นห้องเรียนใหญ่
.
เบนซ์เริ่มต้นจากงานเล็กที่สุดในทีม
รับหน้าที่ไปถ่ายรูปทรัพย์แทนพี่
ไปดูบ้าน พูดกับนิติ คุยกับคนเฝ้าโครงการ
จดชื่อ จดเลขบ้าน
ถ่ายแปลน วัดพื้นที่
ขอข้อมูล Update กับเจ้าของ
แล้วส่งทุกอย่างให้พี่นนท์
.
ทุกครั้งที่เขากด “ส่ง”
เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ “สร้างบางอย่าง”
ถึงแม้ชื่อเขาจะไม่ได้อยู่บนโพสต์
เขาก็ยังยิ้ม…เพราะเขารู้ว่า
“นี่คือทีมของผม”
.
วันแรกที่เขาเห็นชื่อของตัวเองในไลฟ์
พี่นนท์พูดขึ้นกลางรายการ Zoom
“ใครที่ยังไม่มีทรัพย์ ลองดูน้องเบนซ์นะครับ
เด็กคนนี้ไฟแรงมาก เก็บดีเทลเก่งสุดในทีมเลย
วันก่อนเพิ่งได้บ้านหลังในเอกมัยเองกับมือเลยครับ”
.
ตอนนั้นเบนซ์แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
เขาไม่เคยถูกชมในที่สาธารณะมาก่อน
ไม่เคยถูกเรียกชื่อพร้อมคำว่า “เก่ง”
และไม่เคยคิดว่า “คนอย่างเขา”
จะมีใครมองเห็น
.
หลังจากนั้นเขาทุ่มเต็มที่
ไม่มีคำว่าหยุด
ไม่มีคำว่าเหนื่อย
ไม่มีคำว่าขอส่วนแบ่งเพิ่ม
.
เขาส่งทรัพย์ให้พี่นนท์มากกว่าใครในทีม
บางวัน 3 หลัง บางวัน 5 หลัง
ถ่ายเอง วิ่งเอง ขอข้อมูลเอง
ทุกครั้งจะปิดท้ายด้วย
“ฝากพี่ดูต่อนะครับ ผมพร้อมวิ่งเสริม”
.
เบนซ์เคยคิดว่า
ถ้าไม่มีเขา
พี่นนท์อาจไม่ได้ทรัพย์พวกนี้
แต่ในทางกลับกัน…เขาก็ไม่มีทางปิดเองได้
เพราะลูกค้าระดับใหญ่ขนาดนั้น
เขายังไม่มีในมือ
.
แล้วบ้านหลังนั้น...ก็มาถึง
บ้าน 2 ชั้น ริมมุม ย่านรามอินทรา
เจ้าของเป็นญาติของเพื่อนแม่
เบนซ์รู้ว่าทรัพย์นี้มีศักยภาพ
ราคาต่ำกว่าตลาด เพราะเจ้าของอยากขายเร็ว
บ้านดูแลดี, หน้ากว้าง, เพดานสูง
สวนติดมุมโครงการ
.
เขารีบถ่ายรูป
เขียนคำอธิบาย
ขอแปลน ขอสำเนาโฉนด (ที่ปิดชื่อไว้เรียบร้อย)
และส่งให้พี่นนท์ในทันที
“พี่ครับ…หลังนี้ผมขอให้พี่ดูเองเลยนะ ผมมั่นใจว่าปิดได้เร็วแน่นอน”
.
สามวันผ่านไป
พี่นนท์ยังไม่ตอบ
เบนซ์ไม่ถาม เพราะไม่อยากเร่ง
แต่ก็เข้าไปดูเพจทุกวัน…เพื่อรอ
จนวันหนึ่งเขาเจอโพสต์ที่ทำให้โลกเงียบลงทันที
.
บ้านหลังเดียวกัน
ภาพเดียวกับที่เขาถ่าย
Caption ที่คล้ายกับบรรทัดแรกที่เขาเขียนในโน้ต
แต่...ไม่มีชื่อเขา
ไม่มีคำว่า “ทีม”
ไม่มีแม้แต่ประโยคว่า “ได้รับจากน้องในทีม”
.
และที่เจ็บที่สุดคือ
คำที่อยู่บรรทัดบนสุด…
“ได้รับมอบหมายโดยตรงจากเจ้าของ”
.
เบนซ์นั่งเงียบอยู่นาน
ไม่ร้อง-ไม่ฟาด-ไม่โทร
เขาแค่พิมพ์เบา ๆ
“พี่ครับ บ้านนี้ผมส่งให้พี่นะครับ…หรือพี่ได้มาจากที่อื่นด้วย?”
.
คำตอบที่ได้ คือ…
“พี่มีสิทธิ์จากเจ้าของโดยตรงนะเบนซ์ อาจจะเป็นหลังเดียวกันก็ได้”
.
อ่านจบ
เบนซ์วางโทรศัพท์ลง
ลุกไปล้างหน้าที่อ่าง
หายใจลึก ๆ
ไม่ใช่เพราะโกรธ
แต่เพราะไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร
.
“ผมเคยเชื่อว่า ถ้าผมดีต่อพี่
พี่ก็คงไม่ทำกับผมแบบนี้
แต่วันนั้น…ผมไม่ได้เสียใจเพราะโดนเอาทรัพย์ไป
ผมเสียใจ...เพราะผมคิดว่าเรา ‘เป็นทีม’ จริง ๆ”
.
หลังจากคืนนั้น
เบนซ์นอนไม่หลับ
ไม่ใช่เพราะโมโห
ไม่ใช่เพราะอยากเอาคืน
แต่เพราะเขา “ไม่แน่ใจ”
.
ใช่…มันคือรูปที่เขาถ่ายเองกับมือ
ใช่…มันเป็นบ้านที่เขาได้มา
แต่คำพูดของพี่นนท์ยังวนในหัวเขาไม่หยุด
“อาจจะเป็นหลังเดียวกันก็ได้ พี่ได้มาจากเจ้าของโดยตรง”
.
เบนซ์เริ่มถามตัวเอง
ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ?
ถ้าพี่นนท์ได้หลังนี้จากเจ้าของอีกช่องทางล่ะ?
ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดของเขาเองล่ะ?
เขาไม่อยากอยู่กับความคาใจ
เพราะคาใจ…มันทำให้เขาไม่กล้ามองตัวเองในกระจก
.
เช้าวันนั้น เขากลับไปยืนหน้าบ้านหลังเดิม
บ้านรามอินทราหลังมุมที่เขาเคยยืนถ่ายรูปเอง
บ้านหลังที่เขาภูมิใจว่า “ได้มาด้วย connection”
.
เจ้าของยังจำเขาได้
ผู้หญิงวัยกลางคน หน้าตาใจดี
เดินออกมาทักเบนซ์ด้วยรอยยิ้ม
“น้องเบนซ์ใช่มั้ยลูก…ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ”
.
เบนซ์ยกมือไหว้ แล้วสูดหายใจลึก
“ขอโทษนะครับพี่ ผมรบกวนถามตรง ๆ ได้มั้ยครับ…”
เจ้าของพยักหน้า
เขาถามช้า ๆ ชัด ๆ
“พี่ให้สิทธิ์ใครขายบ้านอีกหรือเปล่าครับ...นอกจากผม?”
.
เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
เหมือนพยายามนึก
ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เลยนะ…พี่ให้แค่ผมคนเดียว พี่ยังไม่อยากโพสต์ขายที่ไหนด้วยซ้ำ”
.
เบนซ์เม้มปาก
รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างร่วงวูบลงกลางอก
เขาลองถามอีกครั้ง
“แล้วรู้จักชื่อ ‘นนท์’ มั้ยครับ?”
เจ้าของทำหน้าสงสัย
“ใครนะ?...ไม่คุ้นเลย”
.
เบนซ์ยิ้ม
ยิ้มแบบที่แววตามันไม่ได้ยิ้มด้วย
ก่อนจะบอกเบา ๆ ว่า
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับพี่”
.
เขากลับมานั่งมองโพสต์ของพี่นนท์อีกครั้ง
ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ความเจ็บ
มันคือความเสียใจที่ลึกกว่าเดิม
เพราะตอนแรก เขายังเชื่อว่า
“อาจจะมีความจริงอีกด้านที่เขาไม่รู้”
.
แต่วันนี้เขาแน่ใจแล้วว่า
ความจริงอีกด้าน…ไม่มี
มันมีแค่ความเงียบที่พี่นนท์เลือกจะใช้…
แทนคำขอโทษ
.
“ผมไม่ได้เสียศรัทธาแค่กับพี่นนท์
ผมเสียศรัทธากับตัวเอง...
ที่เคยคิดว่า ถ้ารักใครมากพอ เขาจะไม่หลอกเรา”
.
หลังจากกลับจากบ้านหลังนั้น
เบนซ์เดินเรื่อย ๆ อยู่ข้างถนน
ไม่รีบกลับ
ไม่รับโทรศัพท์
ไม่ตอบแชทในกลุ่มนายหน้า
.
เขาเดินอยู่แบบนั้นเกือบชั่วโมง
ก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้ข้างเซเว่น
ล้วงกระเป๋าเจอธนบัตรยับ ๆ ร้อยเดียว
ซื้อน้ำเปล่าหนึ่งขวด
นั่งจิบเหมือนคนเมา
ทั้งที่แค่น้ำเปล่า...แต่มันก็ขมจนกลืนไม่ลง
.
เขาไม่ได้โกรธ
ไม่ได้คิดจะแฉ
ไม่ได้คิดแม้แต่จะส่งแชทให้ใครดู
สิ่งเดียวที่วนอยู่ในหัว
คือคำว่า
“แล้วที่ผ่านมา...เค้าเห็นเราเป็นอะไร?”
.
เขาไม่ได้คิดว่าพี่นนท์จะรักเขา
ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องตอบแทนทุกอย่าง
แต่เขาคิดว่า “ความไว้ใจ”
มันน่าจะมีค่าอะไรสักอย่าง
.
“หรือจริง ๆ แล้ว ผมมันก็แค่ ‘เด็กวิ่งงาน’
ที่เขาใช้เป็นหมาล่าเนื้อ
พอได้ทุกอย่างแล้ว...ก็เก็บไว้คนเดียว”
.
เบนซ์กลับถึงห้องดึกกว่าทุกวัน
ไม่เปิดไฟ
แสงจากโทรศัพท์ยังเปิดโพสต์ของพี่นนท์ค้างอยู่
บ้านหลังเดิม, แคปชั่นเดิม, ยอดไลก์ยังขึ้น
มีคนนอกวงการคอมเมนต์ว่า
“พี่นนท์คือไอดอลผมเลยครับ”
.
เขาไม่ได้อิจฉา
ไม่ได้อยากแย่งแสง
แค่รู้สึกว่า…
“โลกข้างนอกยังเห็นเขาเป็นพระเอก
แต่ในเรื่องของผม...เขาคือตัวร้าย”
.
คืนนั้นเบนซ์ลบทุกโพสต์เก่า
ลบทุกข้อความที่เคยแท็กชื่อพี่นนท์
ลบสติ๊กเกอร์ทีม
ลบโลโก้จากรูปโปรไฟล์
เหมือนพยายามล้างอะไรบางอย่างออกไปจากตัวเอง
.
เขารู้ว่ามันไม่ได้ลบความทรงจำ
แต่มันเป็นการบอกตัวเองว่า
“ต่อจากนี้…พอแล้ว”
.
วันรุ่งขึ้น เบนซ์ไปโพสต์ทรัพย์เองครั้งแรก
บ้านไม่หรู
ถ่ายรูปไม่สวยเท่า
แคปชั่นก็ไม่ได้คม
แต่เขาใส่ประโยคท้ายว่า
“บ้านหลังนี้...เจ้าของให้สิทธิ์ผมดูแลด้วยตัวเอง”
.
โพสต์นั้นไม่มีใครแชร์
ไม่มีใครไลก์
ไม่มีใครทักมาขอ Co
.
แต่เบนซ์ยิ้ม
เพราะครั้งนี้
เขารู้ว่าเขา “ไม่ได้โกหกใคร”
.
“ผมกลับมาเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง
ที่เริ่มนับหนึ่งใหม่…
โดยไม่ต้องอาศัยชื่อใคร
และผมจะไม่ยอมให้ใคร
เอาชื่อผม...ไปใช้เป็นเครื่องมือโกหกคนอื่นอีก”
.
นี่คืออีกมุมนึง
ที่เล่าผ่านอดีตคนเคยร่วมทีมของนนท์
ความเสียหายครั้งนี้อาจจะยังไม่ถูกตีเป็นมูลค่า
แต่ความเสียหายทางจิตใจของเด็กคนนึงนั้น
ไม่สามารถดึงกลับมาได้อีกต่อไป
เรื่องราวของนนท์จะเป็นไปอย่างไรต่อไป
ติดตามต่อที่ EP. 7 (3/4)
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่