นิทานอสังหา EP.5 : ขอต้อนรับสู่อาชีพนายหน้าอสังหาฯ — เมื่อความเก่งไม่ใช่สิ่งสำคัญ

จากเด็กจบนิเทศตกงาน สู่นายหน้ามือใหม่ที่ขายบ้านได้เพราะ “เข้าใจคน” มากกว่า “เข้าใจขาย”

post date  โพสต์เมื่อ 18 พ.ย. 2568   view 268681
article

นิทานอสังหา EP.5 : ขอต้อนรับสู่อาชีพนายหน้าอสังหาฯ
เมื่อความเก่งไม่ใช่สิ่งสำคัญ
.
.
พัช อายุ 24 ปี
เพิ่งเรียนจบคณะนิเทศฯ
เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
แฟ้มสะสมผลงานเพียบ
พรีเซนต์เก่ง บุคลิกดี
พูดชัดถ้อยชัดคำ มีไฟ
แต่ไม่มีงานทำ
.
ตอนนั้นชีวิตว่างเปล่าเหมือนหน้ากระดาษ
เขาลองสมัครงานสายโฆษณา โปรดักชัน ครีเอทีฟ
แต่โลกความจริง
ไม่ได้เปิดรับคนไฟแรงแบบในหนัง
“ไว้จะติดต่อกลับนะครับ”
กลายเป็นประโยคที่ได้ยินมากที่สุดในช่วงนั้น
.
แล้ววันหนึ่ง...
เขาเห็นโพสต์ในเฟซบุ๊กกลุ่มอสังหา
“รับสมัครนายหน้ามือใหม่ ไม่ต้องมีประสบการณ์ ขอแค่มีใจ”
มันเป็นประโยคธรรมดา
แต่ตอนนั้นสำหรับพัช
มันคือทางรอด
ที่เขาคิดว่า“ยังไงก็ต้องลองสักครั้ง”
.
เมื่อพัชได้ไปเรียนมาแล้ว 2 วัน
พัชเริ่มทำตามขั้นตอนที่ได้เรียนรู้ไป
พัชเริ่ม search หากลุ่ม facebook ที่มีการลงขายบ้าน
และไปเจอกับบ้านหลังนึงที่สะดุดตาเข้า
จึง inbox เข้าไปติดต่อขอทำการตลาดเพื่อหาคนซื้อ
ซึ่งเจ้าของบ้านก็ยินดีให้พัชเป็นคนช่วยขายให้
.
วันแรกที่ได้บ้านหลังแรกมาโพสต์
เขาตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่
บ้าน 3 ชั้น วิวแม่น้ำ สระว่ายน้ำ infinity edge pool
ราคา 48 ล้านบาท
ค่าคอม 3% = 1.44 ล้านบาท
พัชถึงกับกลืนน้ำลาย
.
“แค่โพสต์ + ขายได้ = รวย”
อาชีพอะไรมันช่างมหัศจรรย์ขนาดนี้
รู้งี้ไม่ต้องเรียนนิเทศให้เมื่อยตุ้มตั้งแต่แรก
เขาเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ ในตอนนั้น
.
โพสต์แรกของเขาช่างดูสวยงาม
การใช้คำสละสลวย แคปชั่นดูดี
ตามสไตล์คนจบนิเทศมา
“ความหรูหราไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย แต่คือรางวัลของคนที่กล้าฝัน”
.
โพสต์นี้พัชได้แชร์ไป 5 กลุ่ม
ที่มีจำนวนสมาชิกหลักแสน
ผลลัพธ์คือ...
ไม่มีไลก์, ไม่มีแชท
มีคอมเมนต์เดียว
“ดูกันดีๆนะคะ ไม่แน่ใจมิจฉาชีพรึเปล่า profile ไม่น่าเชื่อถือเลย”
.
พัชยังไม่ยอมแพ้
เขานั่งดู YouTube สอนปิดการขายทุกคืน
ฟังคลิป Clubhouse กูรูอสังหา
เปิดอ่านหนังสือ “วิธีพูดให้ลูกค้าซื้อทันที”
.
เขาเปลี่ยนโพสต์ใหม่
แก้ caption ใหม่
เปลี่ยนแนวเป็น
“หรูหราแบบเงียบ ๆ ที่ไม่ต้องตะโกนให้ใครรู้”
แต่ผลลัพธ์เหมือนเดิม
.
เขายิง Ads ไปสักพักนึง
แต่ก็ยังเงียบ
มีแต่ msg เข้ามาทางเพจ
เขาทยอยทักหาลูกเพจที่ทักเข้ามา
แต่ยังไม่มีคนไหน
ที่พูดคุยกันอย่างจริงจัง
.
รวมถึงเบอร์โทรที่ได้มาบางส่วน
วันละ 10 คน
ทุกครั้งที่ทักไป มือเย็น ปากแห้ง หัวใจเต้นรัว
เสียงคนรับสาย
กลับคือสิ่งที่เขากลัวที่สุดในโลก
เขารู้สึกสบายใจทุกครั้ง
ที่โทรไปแล้วปลายสายไม่รับ
.
ส่วนใหญ่ตัดบท
บางคนด่า บางคนบอก
“เสียงน้องเด็กมาก เจ้าของบ้านเค้าให้น้องขายจริงๆหรอ?”
.
วันเสาร์-อาทิตย์
พัชวางแผนนั่งรถเมล์ไปดูบ้านเอง
ถ่ายรูปมุมใหม่ ๆ
กลับมาแต่งรูป ตัดคลิป ทำโฆษณา
โพสต์ทุกวัน
มีแค่คำว่า “ได้ขาย”
แต่ยังห่างไกลกับคำว่า “ขายได้”
.
จากรูปภาพที่ถ่ายมาใหม่
เริ่มมีคนทักเข้ามาและขอนัดดูบ้าง
เขาได้ทำนัดลูกค้าดูบ้าน
.
วันนั้นโชคไม่ดี
ทั้งฝนตก ทั้งรถติด
ด้วยความตื่นเต้น
พัชไปถึงก่อนเวลานัดถึง 1 ชั่วโมง
เพื่อทำการบ้าน เตรียมตัวบทพูด
หวังให้ลูกค้าประจำใจ
.
พอถึงเวลาพัชได้โทรตามลูกค้า
ลูกค้าไม่รับสาย
ไม่โทรกลับ, ไม่แจ้ง updateใดๆ, ไม่อ่านแชท
.
พัชนั่งรอที่หน้าบ้าน
ตอนนี้พัชเปียกทั้งตัวและใจ
รวมถึงมือถือที่ใช้ทำมาหากิน
.
เขากลับบ้านด้วยรถสองแถว
ลงมาซื้อข้าวกล่อง 35 บาท
นั่งกินใต้สะพานลอย
ระหว่างกิน เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
แล้วพูดกับตัวเองว่า...
“เหมือนชีวิตกูกำลังโดนปั่นเลยหว่ะ”
.
ผ่านไป 3 เดือน
มีลูกค้าบ้านดูบ้านบ้าง
แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน
พัชเริ่มกลับมานั่งวิเคราะห์สิ่งที่พลาด
เขาตั้งคำถามกับตัวเองครั้งแรก
“ทำไมเราถึงขายไม่ได้?”
.
ความมั่นใจของพัชที่เคยมีมาหลังจบคลาส
ตอนนี้เริ่มลดลง
เพราะที่ผ่านมา
พัชเหมือนคนที่กำลังเหยียบคันเร่ง
ด้วยรถ supercar มาโดยตลอด
พุ่งเป้าไปข้างหน้าเพื่อความสำเร็จโดยเร็ว
แต่ตอนนี้พัชกำลังถอนคันเร่ง
เพื่อหันมามองวิวข้างทางมากขึ้น
.
เขาเริ่มมองย้อนกลับไป
ไม่ใช่เพราะบ้านไม่สวย
ไม่ใช่เพราะโพสต์ไม่ดี
แต่เพราะ...
.
“เราไม่เข้าใจคนที่จะซื้อบ้านแบบนี้เลย”
“เราไม่รู้ว่าคนซื้อบ้าน 48 ล้าน เขาอยากได้อะไรจริง ๆ”
.
เขาแค่พยายามจะพูดให้ดูเก่ง
แต่ไม่เคย “ฟัง” ลูกค้าเลย
.
ระหว่างที่พัชกำลังขายบ้านหรูในฝัน
แต่พัชก็มีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
จะหวังขายบ้านหลังเดียวคงจะไม่ไหว
.
เขาเริ่มหาใหม่
ไม่ใช่บ้านหรู
แต่บ้านที่คนธรรมดาซื้อไหว
.
เขาเจอทาวน์โฮมหลังหนึ่ง ย่านบางบัวทอง
ราคา 2.7 ล้าน
เจ้าของเป็นคุณลุงจะย้ายไปอยู่กับลูกชาย
พัชโทรหาลุง ขอไปถ่ายรูปเอง
คราวนี้เขาไม่ทำโฆษณา
แต่ “เล่าเรื่อง”
.
“บ้านหลังนี้ เลี้ยงลูก 2 คนจนเรียนจบ
ทุกมุมของบ้านมีเรื่องราว
ตอนนี้ลุงกับป้าย้ายไปอยู่กับลูกแล้ว
บ้านนี้จึงรอเจ้าของใหม่
ที่จะมาสร้างความทรงจำต่อ”
.
โพสต์นั้น...
แชร์เกิน 100
คนทักเยอะ
และ “พี่แพรว” ก็เป็นหนึ่งในนั้น
.
พี่แพรวเป็นมนุษย์เงินเดือน
อายุ 32
ตั้งท้องลูกคนแรก
อยากย้ายออกจากคอนโด
เพราะเลี้ยงลูกลำบาก
.
พัชใช้เวลาในการชวนคุยกับพี่แพรว
ไม่รีบชวนดูบ้าน
ไม่รีบปิดการขาย
แต่ตั้งใจฟังสิ่งที่พี่แพรวคิด
สิ่งที่พี่แพรวฝันอยากจะมีบ้าน
เวลาที่คลอดลูกออกมาแล้ว
ชีวิตจะเป็นอย่างไร
อย่างจริงจัง
.
วันดูบ้าน
พัชไม่ขาย
ไม่โชว์แผนผัง
ไม่พูดมาก
.
เขาแค่เปิดม่าน
เปิดหน้าต่างให้แสงเข้า
และพูดว่า...
“ตรงนี้วางเปลลูกได้นะครับ แดดเช้าเข้าพอดี”
พัชยืนเงียบๆ
ให้พี่แพรวเดินดูบ้านเอง
.
ไม่มีท่าทางที่มั่นใจ
ไม่มีเทคนิค
ไม่มีคำพูดเหนือชั้น
มีแค่... ความเข้าใจ
และการช่วยเหลืออย่างจริงใจ
.
พัชช่วยคุยกับธนาคาร
สรุปรายการค่าใช้จ่ายให้ครบ
บอกจุดซ่อมที่ควรปรับปรุง
ประสานงานกับเจ้าของบ้านแบบตรงไปตรงมา
ทุกขั้นตอน ไม่มีการขาย
ไม่สนใจว่าบ้านหลังนี้จะได้ค่าคอมเท่าไหร่
มีแต่ “การอยู่ข้างลูกค้า”
“อยากให้ลูกค้ามีบ้าน”
.
วันที่โอนกรรมสิทธิ์
พัชยิ้มไม่หยุด
เรียกว่าหยุดยิ้มไม่ได้เหมือนคนบ้า
ไม่ใช่เพราะเงิน
แต่เพราะ...
“สุดท้าย เขาทำได้จริง”
.
หลังจากล้มเหลว เจ็บ ฝนตก โดนด่า โดนเท
ในที่สุด เขาก็ได้ค่าคอมครั้งแรกในชีวิต
จากบ้านที่คนไม่เคยมองว่าเป็นโอกาส
.
เขาไม่ได้ขายบ้านหลังใหญ่
แต่เขาขาย "บ้านที่ใช่"
ให้กับคนที่ต้องการมันจริง ๆ
พัชเปลี่ยนจาก “คนขายฝัน”
มาเป็น “คนฟังความฝันของคนอื่น”
.
จากโพสต์บ้านแพงอันหรูหรา
เขากลายเป็นนักเล่าเรื่องเงียบ ๆ
แต่ทำให้คนอยากซื้อเพราะ
“มันคือบ้านที่ตรงกับใจเขา”
.
และในวันหนึ่ง...
พัชนั่งรถเมล์ผ่านเส้นทางที่คุ้นเคย
เขากลับไปที่บ้านหลังราคา 48 ล้านอีกครั้ง
ยืนมองมันเงียบ ๆ
ไม่ใช่เพื่อขาย
แต่เพื่อขอบคุณ
เพราะถ้าเขาไม่เคยล้มเหลวกับบ้านหลังนั้น
เขาคงไม่เข้าใจคำว่า
“การเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่ใช่การถอยหลัง แต่มันคือการถอยมาเพื่อมองให้ชัด”
.
นี่คือเรื่องของพัช
และอาจเป็นเรื่องของใครหลายคน
ที่กำลัง “พยายามในสนามของคนอื่น”
จนลืมไปว่า...
สนามของตัวเราเอง
ก็มีค่ามากพอจะเริ่มต้นได้เสมอ
.
จบนิทาน

.

ร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid02obJiz5hF37s1P9PmBQR9T3JjqFNq8ZEcgJTg2RasLFXjaFS9aWYQonjCcXm8whZDl

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)