WeChat ID :
นิทานอสังหา EP.3 : เจ้าของบ้านหรูกับผู้เช่าในฝัน
.
คุณพิชญาไม่ใช่มือใหม่ในวงการอสังหาฯ
เธอคือนักลงทุนหญิง
ที่เริ่มจากคอนโดมือสองย่านศรีนครินทร์
ปล่อยเช่า เก็บสะสมอิฐก้อนเล็กๆ
จนกลายเป็นตึกทั้งหลังในมือ
.
เธอมีอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ
ทั้งปล่อยเช่า ขายต่อ รีโนเวทขาย
และปล่อยเช่าแบบ short stay
.
เธอเจ็บมาหลายครั้งจากคำว่า
"ค่าเช่าไม่พอผ่อน", "ผู้เช่าหนี", “ห้องพัง”, "ซ่อมไม่จบ", "กู้ไม่ผ่าน"
เรียกว่าเธอเจอมาเกือบทุกรูปแบบ
.
แต่หลังจากขายทรัพย์ก้อนสุดท้ายได้กำไรก้อนโต
เธอก็เหลือโครงการบ้านหรูในศรีนครินทร์
เป็นบ้านหลังใหญ่
ขนาดที่จอดรถได้ถึง 10 คัน
มีสนามหญ้าในบริเวณ
ห้องโถงอันใหญ่โต
ห้องนอนมากกว่า 4 ห้อง
และห้องแม่บ้านแยก
.
บ้านหลังนี้ เธอไม่ได้อยากขาย
เพราะมันคือ Flagship ของชีวิตนักลงทุน
และเธอก็มั่นใจว่า…
มันต้องทำงานให้เธอได้
ในฐานะเครื่องจักรผลิตเงิน
.
เธอตั้งเป้าไว้ว่า
บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านที่ใครจะเช่าได้
แต่ต้องเป็นคนที่คู่ควรกับมัน
.
คุณพิชญาคิดในแบบของคนที่ผ่านสนามรบอสังหาฯ มายาวนาน
เธอรู้ดีว่าทรัพย์แบบนี้
ไม่ได้เหมาะกับครอบครัวไทยทั่วไป
และไม่อยากปล่อยเช่าราคาถูก
แล้วมีปัญหาอย่างที่เธอประสบพบเจอมาตลอด
.
เธอจึงตั้งราคาค่าเช่าไว้ที่ 350,000 บาท/เดือน
โดยไม่สนใจว่าในตลาดหลังคล้ายกัน
ปล่อยแค่ 190,000–200,000 บาท
“ใครจ่ายไม่ไหวไม่ต้องมาเช่าบ้านฉัน”
.
เธอไม่ได้มองหาคนที่เหมาะกับบ้าน
แต่เธอมองหาใครสักคน
ที่รู้ว่าบ้านหลังนี้มีค่า
เหมือนกับที่เธอรู้สึก
.
คุณพิชญาเคยเจอลูกค้าคนไทยที่ต่อราคาแรง
ขอหักค่าเช่าแล้วรีโนเวทเอง
เธอเหนื่อยกับความจุกจิกแบบนั้นมานาน
.
จนเอเจนท์คนหนึ่งบอกเธอว่า
“ลองเปิดรับลูกค้าชาวจีนไหมครับ? บางคนอยู่ไทยไม่กี่เดือน เช่าเพื่อทำธุรกิจ แต่จ่ายตรง ตัดสินใจเร็วมาก บางคนจ่ายล่วงหน้า 6 เดือนเลย”
.
มันเหมือนคำตอบจากฟ้า
เธอไม่ต้องการผู้เช่าที่มีความจุกจิก
ไม่อยากยุ่งกับคนที่มีความต้องการมากมาย
เธอแค่ต้องการคนที่มองหาบ้านเช่าระยะสั้น
เพื่อที่จะเรียกราคาได้
.
และแล้วคนๆนั้นก็มาจริงๆ
ชายหนุ่มจีนวัยราว 30 ขับรถอัลพาร์ดมาจอดหน้าบ้าน
แต่งตัวแบรนด์เนม
พร้อมกระเป๋าเงินสดหนาเตอะ
เดินดูบ้านแค่ 15 นาที แล้วบอกว่า
“บ้านดี กว้าง ตรงตามที่ต้องการ ผมเอาเลยครับ โอนค่าเช่าล่วงหน้า 6 เดือนทันที พรุ่งนี้ขนของเข้ามา”
.
เขาวางเงินทันที
โดยไม่ต่อรองราคาเลยสักคำ
มันคือดีลในฝัน
ไม่มีข้อต่อรอง
ไม่มีข้อตกลงแปลกๆ
ไม่มีสัญญาเช่าผูกมัด
เงินเข้าแล้ว เธอถอนหายใจอย่างภูมิใจ
นี่แหละ ผู้เช่าในอุดมคติ
ที่นักลงทุนอสังหาฯ ทุกคนฝันถึง
.
เดือนแรกผ่านไป ทุกอย่างดูเรียบร้อย
แต่เดือนที่ 2
มีเพื่อนบ้านเริ่มคุยกันไลน์กลุ่มว่า
“บ้านหลังนี้มีรถเข้าออกตอนตีสามแทบทุกคืน พวกเรานอนไม่หลับเลย”
เธออ่านข้อความ... แล้วเลื่อนผ่าน
เธอบอกตัวเองว่า
"คนจีนอาจทำธุรกิจแบบ dropshipping หรือ live ขายของตอนกลางคืนก็ได้"
.
เดือนที่ 6 มีคนมาส่งของทุกวันเป็นกล่องๆ
วันละ 10 กว่ากล่อง ไม่มีชื่อภาษาไทย
ไม่มีรปภ. กล้าเดินเข้าไปถาม
และแล้วในเช้าวันหนึ่ง
รถตู้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และดีเอสไอ
ก็มาจอดหน้าบ้านของเธอ
.
ในบ้านเต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
ต่อสายไฟยุ่งเหยิง
และพบหลักฐานการฟอกเงิน
มูลค่ารวมเรียกว่างบกระทรวงย่อมๆ
และพบว่าบ้านของคุณพิชญา
คือ safehouse สำหรับผู้ต้องหา
ในเครือข่ายไซเบอร์ข้ามชาติ
.
เธอถูกเรียกสอบทันที
ไม่ใช่ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดโดยตรง
แต่ในฐานะ
“เจ้าของทรัพย์สินที่อาจเพิกเฉยต่อการกระทำผิดโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”
.
“คุณไม่ได้ตรวจสอบผู้เช่า รับเงินก้อนใหญ่โดยไม่มีการออกใบเสร็จ และไม่มีสัญญาเช่าที่กำหนดขอบเขตการใช้งานชัดเจน”
“คุณปล่อยให้บ้านของคุณกลายเป็นที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย โดยไม่ทำอะไรเลย”
.
สุดท้าย ธนาคารที่ถือภาระจำนองบ้านร่วมก็สั่งยื่นฟ้องบังคับคดี
บ้านหลังนี้ถูกยึดเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม
เธอไม่ได้รับเงินค่าเช่าส่วนที่เหลือ
และต้องเสียภาษีย้อนหลังกับเงินเช่าทั้งหมด
ที่ไม่เคยรายงานต่อกรมสรรพากร
.
บ้านหรูไม่ใช่เครื่องมือแสดงศักดิ์ศรี
ค่าเช่าแพงไม่ใช่ตัววัดประเภทของผู้เช่า
และความเพิกเฉยของเจ้าของบ้าน
ไม่ได้แปลว่าเราจะรอดพ้นจากความผิด
.
คุณพิชญาไม่ใช่คนผิดในนิยามของคดีอาญา
แต่เธอคือ “เหยื่อของความมั่นใจตัวเอง”
ที่เลือกจะไม่รู้ เลือกจะไม่เห็น
และเลือกจะไม่รับผิดชอบ
.
บ้านหลังนั้น…
คือทรัพย์สินที่มีมูลค่า
แต่เมื่ออยู่ในมือคน
ที่คิดแต่จะใช้มันเพื่อทำเงิน
โดยไม่มองผลกระทบ
มันก็กลายเป็น “ตัวเร่งความพังทลาย”
ของชื่อเสียงและชีวิตทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว
.
จบนิทาน EP.3
.
.
.
ขยายความเรื่องของข้อกฎหมาย
บ้านหลังหนึ่งจะถูก “ยึด” หรือ “อายัด” โดยรัฐ
มีได้ 3 กรณีหลัก
.
1. บ้านเป็นของผู้กระทำผิดโดยตรง
เช่น ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าของบ้าน
ใช้บ้านเป็นสถานที่กระทำผิด
ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน
หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
.
2. บ้านไม่ได้เป็นของผู้กระทำผิด แต่พิสูจน์ได้ว่าเจ้าของรู้เห็นเป็นใจ
เช่น เจ้าของบ้านรู้ว่ามีการกระทำผิดในบ้าน
แต่ไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อหยุดยั้ง หรือมีพฤติกรรมเอื้ออำนวย
แบบนี้มีสิทธิ์โดน “อายัด” ไว้ก่อนเพื่อสอบสวน
.
ใน พ.ร.บ.ฟอกเงิน มาตรา 3-4
นิยาม “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” ว่า
แม้จะไม่ได้เป็นของผู้กระทำผิดโดยตรง
แต่หากเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือใช้ในการกระทำผิด
“สามารถอายัดได้”
.
3. บ้านเป็นหลักฐานในคดีอาญา
เช่น มีอุปกรณ์ผิดกฎหมายซุกซ่อนในบ้าน
มีผู้ต้องหาหลบซ่อน
หรือใช้เป็น safehouse
บ้านอาจถูก “อายัดชั่วคราว” เพื่อการตรวจสอบ
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยจริง ๆ
จะคืนให้ในภายหลัง
.
แล้วในกรณีของ “คุณพิชญา” ล่ะ?
ในเรื่องที่เราเล่าไป
✅ เธอไม่ได้รู้เห็นการกระทำผิดโดยตรง
✅ แต่เธอปล่อยเช่าโดยไม่ตรวจสอบ
✅ รับเงินสดจำนวนมากโดยไม่มีเอกสาร
✅ ไม่เคยเข้าไปดูทรัพย์ ไม่ตั้งข้อห้ามใด ๆ ในสัญญาเช่า
✅ ปล่อยให้บ้านกลายเป็นแหล่งทำกิจกรรมผิดกฎหมาย
.
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
รัฐมีสิทธิ์อายัดทรัพย์เพื่อสอบสวน
ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่
หากพบว่าเจ้าของ ละเลยอย่างร้ายแรง หรือ
ได้ประโยชน์จากการกระทำผิด
มีสิทธิ์ริบทรัพย์ได้ตามกฎหมายฟอกเงิน
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่