คนไทยรู้กฎหมายแค่ไหน? ถึงเวลาต้องมี “การศึกษาสิทธิขั้นพื้นฐาน” ในโรงเรียน

เมื่อความไม่รู้กลายเป็นกับดักที่ทำให้ประชาชนถูกละเมิดสิทธิ และไร้ที่พึ่งในกฎหมาย

post date  โพสต์เมื่อ 8 ก.ค. 2568   view 9862
article

ดูรายการโหนกระแส,ถกไม่เถียง,เปิดปากกับภาคภูมิ ฯลฯ
มาหลายเทป
สิ่งนึงเห็นได้ชัดเลยว่า
ประชาชนส่วนใหญ่
ไม่ทราบสิทธิและข้อกฏหมาย
ทำให้ผู้ที่มีความรู้มากกว่า
ใช้กฏหมาย
หรือใช้ช่องโหว่ทางกฏหมาย
ในการเอารัดเอาเปรียบ
หรือใช้รังแกผู้มีความรู้น้อยกว่า
.
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารกระจายตัวอย่างรวดเร็ว
เรากลับพบว่า "ความไม่รู้"
โดยเฉพาะความไม่รู้ในสิทธิของตนเอง
ยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก
ที่ทำให้ประชาชนจำนวนมาก
ถูกปฏิเสธความช่วยเหลือ
.
หรือแย่กว่านั้น
คือถูกละเมิดสิทธิ
โดยที่ไม่สามารถโต้แย้งได้
.
การไม่รู้กฎหมาย
ไม่ได้หมายความว่า
เราจะไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย
.
ในทางกลับกัน
ความไม่รู้สิทธิของตนเองต่างหาก
ที่กลายเป็นกับดัก
ทำให้หลายคน
ไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้เลย
.
หนึ่งในกรณีที่สะท้อนภาพนี้ได้ชัด
คือกรณีของ "หญิงวัยกลางคนในจังหวัดขอนแก่น"
ที่เคยเป็นข่าวเมื่อปี 2566
.
หญิงรายนี้
ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เรียกค้นรถขณะขับผ่านด่าน
โดยไม่มีหมายค้น
ไม่มีเหตุอันควรสงสัย
แต่เธอกลับไม่กล้าปฏิเสธ
เพราะคิดว่า “ตำรวจมีสิทธิตรวจทุกอย่าง”
.
แม้เหตุการณ์จะจบลง
โดยไม่มีการจับกุมใด ๆ
แต่คำถามคือ...
ถ้าเธอพกของผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว
หรือหากมีการยัดข้อกล่าวหา
โดยไร้หลักฐาน
เธอจะสามารถปกป้องตัวเองได้หรือไม่?
.
เรื่องนี้สะท้อนความจริงอันน่าตกใจ
ว่าคนไทยจำนวนมากไม่รู้เลยว่า
ตนสามารถ "ไม่ยินยอมให้ค้นรถ" ได้
หากไม่มีหมายศาล
หรือเหตุอันควรสงสัยอย่างชัดเจนตามกฎหมาย
.
อีกตัวอย่างที่ชัดเจน
คือกรณีเด็กชายวัย 14 ปีในกรุงเทพฯ
ที่ถูกครูลงโทษด้วยการตัดผมต่อหน้าทั้งห้องเรียน
ผู้ปกครองเมื่อทราบเรื่อง
ได้เข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน
แต่กลับถูกปัดว่า "เป็นเรื่องในโรงเรียน ไม่ควรเอาไปแจ้งความ"
.
ทั้งที่ความจริง
การกระทำดังกล่าวเข้าข่าย
"การละเมิดสิทธิในร่างกาย"
ตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิเด็ก
และผู้ปกครองมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐ
แต่เมื่อไม่รู้สิทธิ
จึงยอมถอยเพราะกลัวระบบ
ไม่กล้าสู้
.
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายมิติ
ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการรักษาพยาบาล
การร้องเรียนบริการภาครัฐ
การถูกจับกุม
การถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่
หรือแม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างการทำบัตรประชาชน
.
คำถามคือ... ทำไมเราถึงยังไม่มี
"การศึกษาด้านสิทธิและกฎหมายพื้นฐาน"
อย่างจริงจังในระบบการศึกษาไทย?
.
หลายประเทศพัฒนาแล้ว
เช่น ฟินแลนด์ แคนาดา เยอรมนี
หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย
มีการสอดแทรกหลักสูตร
“สิทธิพลเมืองและกฎหมายพื้นฐาน”
ให้เยาวชนเรียนรู้ตั้งแต่มัธยมต้น
.
นักเรียนในประเทศเหล่านั้นเรียนรู้ว่า
ตนมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอย่างไร
มีหน้าที่พลเมืองอะไรบ้าง
เมื่อเจอเจ้าหน้าที่รัฐควรปฏิบัติตัวอย่างไร
และมีช่องทางร้องเรียนอะไรได้บ้าง
หากถูกละเมิดสิทธิ
.
ในขณะที่นักเรียนไทยจำนวนมาก
จบการศึกษาภาคบังคับ
โดยไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่า
"หมายค้น" ต่างจาก "หมายจับ" อย่างไร
หรือ "เจ้าหน้าที่รัฐมีสิทธิกับตัวเราแค่ไหน"
.
นี่คือช่องโหว่
ที่เปิดทางให้การใช้อำนาจโดยมิชอบ
หรือการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
ของเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นได้อย่างแนบเนียน
.
การผลักดันให้ความรู้ด้านสิทธิและกฎหมายพื้นฐาน
เป็นหนึ่งในหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ
ไม่ใช่เพียงการสร้าง "นักกฎหมายน้อย"
แต่เป็นการสร้างพลเมืองที่รู้เท่าทันระบบ
รู้จักปกป้องสิทธิของตนเอง
และไม่ตกเป็นเหยื่อของการบิดเบือนกฎหมาย
.
ไม่จำเป็นต้องสอนเนื้อหาหนักหรือซับซ้อน
แต่อาจเริ่มจากแนวคิดพื้นฐาน เช่น
✅สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
✅ขั้นตอนการร้องเรียน
✅วิธีปฏิบัติตัวเมื่อพบเจ้าหน้าที่
✅กฎหมายเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น สัญญาเช่า การซื้อของออนไลน์ หรือการถูกโกง
.
เมื่อประชาชนมีภูมิคุ้มกันทางความรู้ด้านกฎหมาย
ย่อมสร้างสังคมที่ไม่เอื้อ
ให้การใช้อำนาจโดยมิชอบเติบโต
.
และเมื่อนั้น
ความยุติธรรมจะไม่ใช่เรื่องของ
“คนที่รู้จักระบบ” เท่านั้น
แต่จะเป็นของ
“ทุกคน” อย่างแท้จริง
.
ประเทศไทยอาจยังไม่สาย
หากเราจะเริ่มจากจุดที่เรียบง่าย
นั่นคือ
“ปลูกฝังความรู้ทางกฎหมาย ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ”
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid02M1qgw9ZmuHx4s29smE66DhLEjZJXVioiBMt9vG9i3mwh1mjueqefLN1qg5s54giql

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)