เปิดโลกประกันชีวิตแบบมหาเศรษฐี “VUL” ประกันที่จ่ายเบี้ยด้วยหุ้นได้

รู้หรือไม่? ประกันชีวิตที่ไม่ต้องจ่ายด้วยเงินสดก็ทำได้ ใช้หุ้นหรือกองทุนแทนได้

post date  โพสต์เมื่อ 8 ก.ค. 2568   view 46598
article

อสังหาช่วงนี้นิ่งๆทรงๆซึมๆ
เปลี่ยนมาเล่าเรื่องโลกแห่งการเงินบ้างดีกว่า
เพราะเท่าที่คุยกับหลายๆคน
คนไทยยังมีความรู้เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุใน asset น้อยมาก
วันนี้มาเล่าเรื่องเกี่ยวกับวงการประกันให้ฟัง
.
.
.
เชื่อว่าทุกวันนี้คนที่ทำประกัน
จะจ่ายเบี้ยประกันกันด้วยเงินสด
.
แต่รู้กันมั้ยว่า
เศรษฐีในในต่างประเทศ
เค้าจ่ายเบี้ยประกัน
ด้วยหุ้นหรือทรัพย์สินแทนเงินสด
.
ถามว่ามีประโยชน์กว่าการจ่ายเบี้ยด้วยเงินยังไง
มา...จะมาเหลาให้ฟัง
.
.
.
เราเรียกสิ่งนี้ว่า Variabla Universal Life (VUL)
ซึ่งเป็นแบบประกันขั้นสูงสุด
ที่มหาเศรษฐีหรือคนรวยต่างประเทศเค้าทำกัน
แล้วถูกจำกัดไว้ด้วยคนระดับ AI (Accredited Investor)
.
ความพิเศษของประกันชนิดนี้
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดในการจ่ายเบี้ยประกันแต่เพียงอย่างเดียว
แต่เรายังสามารถใช้ทรัพย์สินจ่ายเป็นเบี้ยประกันได้
ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, กองทุนรวม หรือตราสารหนี้
หรือทรัพย์สินทางการเงินที่นอกเหนือจากเงินสด
แล้วนำทรัพย์สินเหล่านั้น
แปลเป็นมูลค่าในกรมธรรม์
.
ยกตัวอย่างเช่น
วันนี้เราถือหุ้นอยู่ 7 ตัว
มูลค่ารวมอยู่ที่ 10 ล้าน USD
.
เราไม่ได้ต้องการจะขายหุ้นมันออกมา
ในขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างความคุ้มครอง
หรือทุนประกันชีวิตแบบสูงๆไว้ด้วย
.
สมมติใน 10 ล้าน USD
ผมดึงออกมาสัก 2 ล้าน USD
ย้ายไปเป็นมูลค่าในกรมธรรม์ของ VUL
เพื่อwrapทุนประกันชีวิตวงเงินเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า
.
ทำให้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น(เสียชีวิต)
ครอบครัวหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้ถึง 20 ล้าน USD
.
ซึ่งมูลค่าที่ดึงออกมาจากหุ้น 2 ล้าน USD
ก็ไม่ได้หายไปไหน
ก็ยังคงเป็นทรัพย์สินคงเดิมอยู่ใน port หุ้น
เพียงแค่เป็นมูลค่าไปอยู่ในกรมธรรม์ชีวิต
.
สมมติว่าผมไม่ได้ทำ VUL ไว้
วันที่ผมจากไป
มูลค่าหุ้น 10 ล้าน USD (330 ล้านบาท)
ก็เป็นมรดกไปสู่ครอบครัว
.
แต่ถ้าผมทำ VUL ไว้
วันที่ผมจากไป
ผมสามารถเพิ่มมูลค่ามรกดให้กับลูกหลานได้
20 ล้าน (VUL 2 ล้าน x 10 เท่า)
กับเงินใน port หุ้น 8 ล้าน USD
จะกลายเป็น 28 ล้าน USD (920 ล้านบาท)
.
จะเห็นว่าความแตกต่างของมูลค่ามรดก
ต่างกันเกือบ 3 เท่าตัว
.
และการทำ VUL
เป็นการจ่ายจากประกันชีวิต
จึงไม่เสียภาษีมรดก
.
ในขณะที่ผู้รับผลประโยชน์นั้น
ก็ได้ทุนประกันชีวิตทันที
ไม่ต้องมีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
หรือรอกระบวนการทางกฏหมายมรดก
.
.
.
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า
แล้วบริษัทประกันชีวิตจะได้อะไร ?
.
บริษัทประกันจะได้ค่าบริการการจัดการ
ที่ชาร์จออกจากมูลค่าของกรมธรรม์
ซึ่งทั่วไปแล้ว VUL
จะคิดค่าบริการไม่แพงมาก
ตกประมาณ 0.2 % ต่อปี
+กับค่าการประกันชีวิต
ที่เราเรียกว่า COI (Cost of Insurance) นั่นเอง
.
ที่มหาเศรษฐีต่างประเทศเค้าทำกันแบบนี้
เพราะว่าบางคนเป็นเจ้าของบริษัทมหาชน
หรือเป็น Listed Company
.
หุ้นเหล่านั้นสามารถเป็นทรัพย์สิน
หรือ back เข้าไปในกรมธรรม์ VUL ได้
ไม่จำเป็นที่จะต้องขายหุ้นออกไป
.
เพราะเค้าเชื่อว่าหุ้นที่เค้าถืออยู่นี้
มันสามารถมีมูลค่าและสามารถเติบโต
ได้มากกว่าค่าธรรมเนียมของ VUL นั่นเอง
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid0gDg7dP1MmvB3CoF6cXVEyoGFrehCHrY6xw82dsDFSyTGgkGdoFDZeCfHeEmfLpeMl

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)