หมดสัญญาเช่าแล้วบ้านพัง เรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าได้ไหม?

แนวทางกฎหมายเรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าที่ทำบ้านเสียหาย

post date  โพสต์เมื่อ 8 ก.ค. 2568   view 68911
article

1 คำถามที่เจอบ่อยในฝั่ง Owner
เมื่อหมดระยะสัญญาเช่า
เจ้าของห้อง/ตัวแทน
จำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบสภาพทรัพย์สิน
.
แต่พอเปิดประตูไปลมแทบจับ
ข้าวของภายในห้องเสียหาย
เรียกง่ายๆว่า "ยับเยิน"
.
ความเสียหายที่เกิด
มากกว่าเงินประกันที่วางไว้ 2 เดือนมากนัก
.
เจ้าของห้องอาจจะคิดว่า
น่าจะหมดหวังกับการไล่เบี้ย
ทวงค่าความเสียหายจากผู้เช่า
.
จะให้เอเจ้นท์ทวง
ก็ดูจะไม่ได้เรื่อง
แจ้งตำรวจเรื่องก็ไม่เดิน
จึงควรใช้กระบวนการทางกฏหมาย
.
บทความนี้จะมาพูดถึงหัวข้อ
ปล่อยบ้านให้เช่าแล้วบ้านเสียหาย
เรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าได้จริงไหม?
ทำยังไงให้ถูกกฎหมาย
.
สำหรับใครที่ปล่อยบ้าน
ปล่อยคอนโดให้เช่า
ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว
ทาวน์โฮมหรือคอนโด
คำถามที่หลายคนสงสัย (และกังวลมาก)
คือ ถ้าผู้เช่าออกไปแล้วทิ้งบ้านพัง
ทุบผนัง ทำครัวพัง
หรือเฟอร์นิเจอร์เสียหาย
แล้วเงินประกันไม่พอ
แบบนี้เราจะเอาเงินคืนได้ไหม?
ต้องทำอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย
และได้เงินชัวร์?
.
วันนี้จะพามาเจาะลึกกันแบบทีละขั้น
เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
เพราะนี่คือสิ่งที่
เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้
และเจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยบอกเรา
.
ก่อนที่เราจะฟ้องร้องต่อศาล
เราควรมีหลักฐานดังนี้
1.สัญญาเช่า
ควรระบุชัดเจนว่า
ผู้เช่ามีหน้าที่คืนบ้านในสภาพเดิม
(ยกเว้นการเสื่อมตามสภาพการใช้งานปกติ)
.
2.inventory หรือ Checklists
ภาพถ่ายหรือวีดีโอทุกมุม
ก่อนการเข้าอยู่
และหลังการย้ายออก
(พื้น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า)
.
3.เมื่อผู้เช่าย้ายออก
ให้ตรวจสอบภายในวันหรือสองวันแรก
จะได้ติดต่อเขาทันที
ถ้าเจอความเสียหาย
ให้ทำLists "รายการความเสียหาย"
พร้อมถ่ายภาพหลักฐาน
.
4.ประเมินค่าเสียหายโดยช่างหรือผู้เชี่ยวชาญ
อย่าเดาตัวเลขเอง!
ควรให้ช่างประเมินราคา
หรือขอใบเสนอราคาซ่อมจริงๆ
เพื่อให้ผู้เช่ามั่นใจว่าตัวเลขไม่เกินจริง
และสามารถใช้เป็นหลักฐานในศาลได้ถ้าจำเป็น
.
5.แจ้งผู้เช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
ส่งหนังสือแจ้งเรียกค่าเสียหาย
หรืออีเมลเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยระบุ
✅รายการเสียหาย
✅ราคาซ่อม
✅จำนวนเงินประกันที่หัก
✅และส่วนที่ต้องชำระเพิ่ม
โดยต้องให้ผู้เช่ารับทราบ
และกำหนดระยะเวลาการชำระที่เหมาะสม
เช่น ภายใน 7 หรือ 15 วัน
.
ถ้าผู้เช่ายอมชำระ
จบ-เคลียร์เรียบร้อย-ไม่ต้องขึ้นศาล
.
6.ถ้าผู้เช่ายังนิ่งเฉย
ให้ส่งหนังสือทวงถามเพิ่มอีกครั้ง
พร้อมทั้งระบุให้ชัดเจนว่า
หากไม่ชำระ
ดำเนินการทางกฏหมาย
.
ถ้าเพิกเฉย
สามารถฟ้องศาลแพ่ง
เรียกค่าเสียหายได้
โดยใช้สัญญาเช่า
หลักฐานความเสียหาย
ใบเสนอราคาหรือใบซ่อมจริง
และหลักฐานการทวงถาม
.
ศาลจะพิจารณาตามพยานหลักฐาน
ถ้าชัดเจน
ผู้เช่ามีโอกาสต้องจ่ายทั้งหมด
พร้อมดอกเบี้ย (แนะนำให้กำหนดดอกเบี้ยไปในหนังสือทวงถาม)
ไม่งั้นศาลจะกำหนดเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีเป็นมาตรฐาน
.
#ข้อควรระวังที่เจ้าของบ้านมักมองข้าม
✅ห้ามหักเงินประกัน "มั่วๆ"
แบบไม่มีหลักฐาน
เพราะถ้าถูกฟ้องกลับ
และอาจแพ้คดี
.
✅ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนสนิท
ควรทำสัญญาเช่า
เป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง
ควรทำ รูปถ่าย+รายการทรัพย์สินทุกครั้ง
ป้องกันการโต้แย้งว่า "เสียหายอยู่แล้วก่อนเข้าอยู่"
.
#อ้างอิงกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 580–581
กำหนดให้ผู้เช่าต้องคืนทรัพย์สินในสภาพเดิม
เว้นแต่เสื่อมตามการใช้งานปกติ
.
หากไม่ซ่อม
ถือว่าผิดสัญญา
เจ้าของบ้านมีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามจริง
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/Ex.MatchingProperty/posts/pfbid0LCmgynXyNDpb1NWL9Wbktw8uX5JugacmyYzWcEwPoJohFtdBbmcPApftHhmc2APtl

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)