WeChat ID :
จากเหตุการณ์ไม่หารค่าเฟรนซ์ฟราย
สู่การเพิ่มยอดขายทางธุรกิจ
.
"หนูสั่งเฟรนฟรายกิน
เค้ายังทวงค่าเฟรนซ์ฟราย 89 บาท
ต่อหน้าพนักงาน
เพราะเค้าบอกว่าหนูสั่งของมากินแล้วชอบกินเหลือ
เค้าเลยไม่อยากออกให้"
.
เหตุการณ์นี้
ดูเหมือนจะแสดงถึงความตระหนี่ของผู้ชาย
แต่ในอีกมุมนึง
ผู้หญิงกำลังตกเป็นเหยื่อของการขายทางร้านรูปแบบนึง
วันนี้เราไม่ได้จะดราม่าเรื่องของหญิงชายคู่นี้
.
มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงิน
แต่มันคือบทเรียนทางจิตวิทยาการใช้จ่าย
ที่นักขายตัวจริงควรเอามาใช้.
เหตุการณ์นี้เราได้เห็นถึงวิธีการเพิ่มยอดขายของทางร้าน
และเราจะมาพูดถึงกลยุทธ์การขาย
ที่สามารถทำกำไรให้กับธุรกิจได้มากขึ้น
.
#สรุป3เทคนิคที่คุณต้องใช้ในการเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้มากขึ้น
.
เมื่อเราขายสินค้า
เราก็ต้องทำการตลาด
เมื่อใดมีลูกค้าถามสินค้าผ่าน Inbox หรือหน้าร้าน
นั่นหมายความว่า
การตลาดทำงานของมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
.
เราจะทำอย่างไรให้ปิดการขายได้
แล้วระหว่างที่เรากำลังปิดการขาย
ต้องทำอย่างไรให้เพิ่มยอดขายได้อีก
วันนี้เรามาเรียนรู้ 3 กลยุทธ์
การคุยผ่าน inbox หรือหน้าร้าน
เพื่อเพิ่มยอดขายกัน
.
คืองี้...
จิตวิทยาของการใช้จ่ายนั้น
เมื่อบาทแรกออกจากกระเป๋าตังแล้ว
บาทที่สองจะออกง่ายขึ้น
วิธีการปิดการขายเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น มีอยู่ 3 วิธี
.
.
.
1. Up Selling - จากเฟรนช์ฟรายธรรมดา สู่แพคสินค้าไซส์ใหญ่ที่เต็มมือ
.
เพราะถ้าลูกค้าจะจ่าย 89 แล้ว
ทำไมไม่จ่าย 109 ล่ะ?
.
หลักการคือ
ลูกค้าตัดสินใจซื้อไปแล้ว
แค่เพิ่มมูลค่าขึ้นนิดเดียว
แต่กำไรงอกเท่าตัว
.
เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าแล้ว
เราเสนอขายสินค้า
"ในกลุ่มสินค้าชนิดเดียวกัน"
เช่น
แมคโดฯ เสนอการอัพไซส์เฟรนซ์ฟรายและโค้ก
ซื้อไอโฟน แล้วมีการเสนอขายเพิ่มความจุที่มากขึ้น
หลักการคือการชี้จุดความคุ้มค่าที่จะทำให้เพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
Up Selling = Buy More
ขายสินค้าได้มากขึ้น
โดยไม่ต้องวิ่งหาลูกค้าใหม่
.
คนเรายอมจ่ายเพื่อเฟรนช์ฟราย
แต่คนขายที่ฉลาด
จะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายมากกว่าเดิมแบบยินดี
และยังรู้สึกว่าคุ้ม
.
.
.
2.Cross Selling- จ่ายเพิ่มอีกนิด เพื่อประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ
.
คุณหมออาจไม่หารเฟรนช์ฟราย.
แต่ลองคิดเล่น ๆ ถ้าสาวเจ้าสั่ง “นักเก็ตเพิ่มไหม?”
แล้วคุณหมอพยักหน้า...
มันคือ Cross Selling ที่ปิดได้โดยไม่รู้ตัว
.
เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าแล้ว
เราเสนอขายสินค้า "ที่ใช้คู่กัน" เช่น
ซื้อไอโฟน - แล้วมีการเสนอขาย ฟิล์มกระจกกันรอย
ซื้อกล้องโกโปร - แล้วมีการเสนอขายไม้เซลฟี่
ซื้อกาแฟ - มีการเสนอขายวิปครีมเพิ่ม
ขนมจีบ - ซาลาเปา ใน 7-11
หลักการคือการขายความสะดวกสบาย (comfortable) และ Convinent
.
หลักคือการขาย "ความสะดวก"
และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
เพราะคนพร้อมจ่ายเพื่อ “ครบเซ็ต”
และการขายแค่ชิ้นเดียว = พลาดโอกาสได้มากกว่าครึ่ง
.
.
.
3.Royalty Program - จากลูกค้าขาจร สู่แฟนคลับประจำร้าน
.
การขายที่ดี ไม่ใช่การขายครั้งเดียว
มันคือการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
.
แม้ความสัมพันธ์บางคู่จะจบลงด้วยเฟรนช์ฟราย
แต่ธุรกิจที่ดี
ต้องไม่จบที่การขายครั้งแรก
ลูกค้าเก่า = ต้นทุนต่ำ = กำไรงอกแบบยั่งยืน
.
RPเป็นส่วนนึงของ CRM
CRM คือ การเก็บข้อมูลและรักษาสายสัมพันธ์ของลูกค้า
ทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความภักดีในสินค้า
เพื่อการใช้สินค้าเราอย่างต่อเนื่อง
.
คือเราต้องติดตามการใช้บริการของลูกค้า
Tracking พฤติกรรมของลูกค้า
พร้อมทั้งเสนอขายสินค้าราคาพิเศษ
หรือโปรโมชั่นอื่นๆให้กับลูกค้าเก่า
เพราะการขายไม่ได้จบที่การขายได้
การขายได้มันเป็นกระบวนการเริ่มต้นเท่านั้น
.
ลูกค้าเก่าใช้ต้นทุนการทำการตลาดต่ำกว่าลูกค้าใหม่ถึง 10 เท่า
บริษัท TV Direct เป็นบริษัทนึงที่มี CRM ที่ดีมาก
แผนการทำ RP เช่น
-การทำบัตรสมาชิก
-บัตรสะสมแต้มเพื่อแลกของ
-การกำหนดยอดสั่งซื้อ เพื่อรับรางวัลบางอย่าง
-การสะสมไมล์ ของธุรกิจสายการบิน
.
เคยทำ Closing rate (อัตราการปิดการขาย)
ให้กับตัวเองบ้างมั้ย
ยกตัวอย่างการทำ ข้อ 1-2-3 ในธุรกิจโรงหนัง
Up Selling - การเสนอขายที่นั่งพิเศษ หรือการอัพเกรดที่นั่ง
Cross Selling - การเสนอขายป็อบคอร์นหรือเครื่องดื่มเพื่อรับชมภาพยนตร์
RP - การทำบัตร M-Cash ของเครือเมเจอร์
.
ดังนั้น
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ
อย่าปล่อยให้ยอดขายจบลงที่เฟรนซ์ฟราย 89 บาท
ให้มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ของการขายที่ชาญฉลาด
แล้วคุณจะรู้ว่า
การที่ลูกค้าตัดสินใจจ่ายแล้ว 1 ครึ่ง
คือโอกาสทองที่คุณต้องรีบต่อยอดขาย
ก่อนที่พวกเราจะรู้ตัว
ว่าเฟรนซ์ฟรายมันไม่ควรแพงขนาดนี้
.
ร่วมพูดคุยกันได้ที่